สวัสดีคอไอทีทุกคน ครั้งนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักเหล่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ถือว่าเป็นที่สุดของโลกในเวลานี้ ซึ่งมันจะมีอะไรบ้าง ใครอยากรู้ ตามมาดูกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของสหรัฐอเมริกาถูกจัดอยู่ในอันดับท็อป 500 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของโลก ซึ่งคือซูเปอร์คอมพิวเตอร์ฟรอนเทียร์ (Frontier) จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติโอ๊คริดจ์ (Oak Ridge National Laboratory หรือ ORNL) ที่ทำงานบนซีพียูเอเอ็มดี อีพีวายซี (AMD EPYC) โดยได้มาแทนที่แชมป์อันดับหนึ่ง ซึ่งคือซูเปอร์คอมพิวเตอร์ฟุกากุ ที่ทำงานบนซ๊พียูเออาร์เอ็ม เอซิกตี้โฟร์เอ็กซ์ (ARM A64X) จากประเทศญี่ปุ่น
- ทั้งนี้ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ฟรอนเทียร์ยังอยู่ในขั้นตอนการรวมและทดสอบที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติโอ๊คริดจ์ ในรัฐเทนเนสซี แต่ในที่สุดจะดำเนินการโดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ
- ฟรอนเทียร์เป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อการทำงานด้วยระบบเครือข่ายเฮทพีอี เครย์ อีเอ็กซ์ ( HPE Cray EX หรือ Hewlett Packard Enterprise Cray EX) มีจำนวนคอร์รวมทั้งระบบ 8,730,112 คอร์ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่มีสมรรถนะแตะ 1 เอ็กซะฟลอป ในขณะที่อดีตแชมป์เก่า 2 ปี ซ้อนจากญี่ปุ่นมีสมรรถนะอยู่ที่ 442 เพตาฟลอป น้อยกว่าแชมป์ใหม่ครึ่งหนึ่ง
- นอกจากนี้ ฟรอนเทียร์ยังเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด วิ่งด้วยความเร็วเพียง 23 กิกะฟลอปต่อวัตต์
- “ความจริงที่ว่าเครื่องจักรที่เร็วที่สุดในโลกยังประหยัดพลังงานมากที่สุดอีกด้วยนั้นช่างน่าอัศจรรย์”-โทมัส ซาชาเรีย (Thomas Zacharia) ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการแห่งชาติโอ๊คริดจ์กล่าว
- ประเทศจีนครองสองอันดับสูงสุดด้วยซันเวย์ ไท่หูไลท์ (Sunway TaihuLight) จากศูนย์วิจัยวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีคู่ขนานแห่งชาติ (NRCPC) และเทียนเฮ-2เอ (Tianhe-2A) ที่สร้างขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศของจีน (NUDT)
- อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่าจีนมีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะไม่น้อยกว่าสองซูเปอร์คอมพิวเตอร์ข้างต้นตามเกณฑ์มาตรฐานของลินมาร์ค (Linmark) โดยมีรายงานว่าประเทศจีนไม่เปิดเผยมาตรฐานใหม่หรือความก้าวหน้าที่สำคัญใดๆ
และนี่ก็คือเหล่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นที่ชื่นชอบถูกใจคอไอทีทุกคน เพราะซูเปอร์คอมพิวเตอร์เหล่านี้แหละ ที่ทำให้วิทยาการของโลกเราพัฒนาแบบก้าวกระโดด