เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่อาคารรัฐสภา 2 นายสุรศักดิ์ ศิริพรอดุลศิลป์ พร้อมด้วยคณะ ในฐานะผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อได้เข้าแสดงตนต่อนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนจำนวนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน เพื่อให้วุฒิสภามีมติถอดถอนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกจากตำแหน่งทั้งคณะรวมจำนวน 11 คน ตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย โดยได้ใช้อำนาจหน้าที่ออกประกาศกสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงที่ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญมาตรา 47 นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า 1. เเนวทางการคืนคลื่นความถี่เพื่อนำไปจัดสรรใหม่ หรือปรับปรุง ไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอ รวมถึงไม่มีมาตรการชดเชยความเสียหายให้กับผู้ประกอบการแม้แต่รายเดียวซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเดิม ถือว่าเป็นการคืนคลี่นอย่างไม่เป็นธรรม เปรียบได้เป็นการปล้นทรัพย์ หรือการปล้นสิทธิของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง 2.อย่างไรก็ตามการใช้คลื่นความถี่ จะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนระดับชาติและระดับท้องถิ่น รวมทั้งต้องจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะด้วย แต่ประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบวิทยุกระจายเสียงกลับไม่คำนึงถึงสาระของผังรายการที่มุ่งเน้นประโยชน์สาธารณะในการถือครองคลื่นมาพิจารณาก่อน ทำให้เกิดการไม่ได้รับความเป็นธรรมและเกิดความสียหายต่อผู้รับฟัง 3.กระทั่งเกิดการลิดรอนกำลังส่งแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ ในขณะที่คุ้มครองผู้ประกอบการรายเดิมแบบอย่างไม่เท่าเทียม จนส่งผลให้ข้อมูลข่าวสารบนหน้าปัทม์วิทยุขาดความหลากหลาย ซึ่งเกือบ100% เป็นเนื้อหาเฉพาะด้านบันเทิงเท่านั้น 4. อีกทั้งมีการออกประกาศที่มีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน เนื่องจากวิธีการกระจายเสียงด้วยระบบเอฟ.เอ็ม.ไม่ได้ถูกกำกับมาตรฐานทางเทคนิค แต่กลุ่มสถานีวิทยุรายใหม่แม้จะประกอบกิจการกระจายเสียงมานาน 7-8ปี กลับยังถูกเข้มงวดบังคับมาตรฐานเทคนิค และ5.สถานีวิทยุเพื่อประโยชน์สาธารณะเกือบทั้งหมดต่างได้รับผลกระทบจากประกาศฉบับนี้โดยเฉพาะสถานีวิทยุที่มีเนื้อหาในการมุ่งเผยแพร่พระพุทธศาสนาเท่ากับเป็นการรอนสิทธิในการปฏิบัติตามศาสนธรรม