นายธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบัน IMC กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างสถาบัน IMC กับทาง ATCI มีเป้าหมายหลักเพื่อทำวิจัยและสำรวจข้อมูลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทย เพื่อผลักดันให้เกิดนโยบายทางด้านไอที และกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมไอทีต่อไป โดยงานหลักของสถาบัน IMC แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักในช่วงเริ่มต้น คือ การวิจัยและพัฒนาบุคลากร ซึ่งคาดว่าในปีแรกจะพัฒนาได้ราว 1,000 คน ส่วนต่อมาคือการทำงานวิจัยและพัฒนาเพื่อผู้บริหารที่ต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้เพื่อให้สามารถลงทุนทางด้านไอทีได้อย่างถูกต้อง และสุดท้ายคือการพัฒนางานวิจัยทางด้านเทคโนโลยี จากการนำข้อมูลต่างประเทศมาต่อยอดให้เหมาะต่อประเทศไทย “รายได้หลักของสถาบันจะมาจากการจัดงานอบรมให้แก่บุคลากรต่างๆ และเงินทุนจากงานวิจัยต่างๆ ก่อนที่จะต่อยอดไปทางอื่นๆ ในอนาคต” ขณะที่ความร่วมมือกับ ATCI จะช่วยส่งเสริม 3 แนวทางหลักของ IMC ไม่ว่าจะเป็น การดึงคนในอุตสาหกรรมไอทีทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศมาให้ข้อมูลทางด้านงานวิจัยให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น รวมไปถึงการจับคู่ธุรกิจทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ “ธุรกิจ Star Up ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มผู้ประกอบการที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ที่มีการนำไอทีเข้าไปใช้อย่างก้าวหน้า จุดนี้ทางสถาบันก็จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้เจอกับนักลงทุน หรือองค์กรที่ให้การสนับสนุนเพื่อให้สามารถเข้าถึงตลาดโลกได้” ส่วนแนวโน้มเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยม และทางสถาบันจะให้การส่งเสริมคือ ธุรกิจโมบายล์แอปพลิเคชัน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการนำระบบคลาวด์ไปใช้ให้บริการแทนที่การพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วไป ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ด้วย นายอดิเรก ปฏิทัศน์ นายกสมาคม ATCI ให้ข้อมูลเสริมว่า การร่วมมือกับสถาบัน IMC ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสําหรับกลุ่มผู้ผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมไอทีไทยให้สามารถก้าวทันโลกของการแข่งขันทั้งทางเทคโนโลยีและทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังจะเป็นการตอกย้ำในวิสัยทัศน์ของการเปิดกรอบ จัดรูปทางความคิดเพื่อโลกแห่งการปฏิรูปของไอทีในประเทศให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง [code]ที่มา : http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000008796 [/code]