เป็นเกมที่ตอนออกภาคแรกมานั้น ผมไม่ค่อยให้ความสนใจกับมันมากสักเท่าไร เพราะดันไปเข้าใจว่าเป็นเกมที่ลอกแบบมาจาก Resident Evil (ภาค 1-3) แต่ผมคิดผิดครับ เพราะเอาตามจริงแล้ว Silent Hill เป็นเกมที่มีความแตกต่างออกไป ทั้งความน่ากลัว ความกดดันที่มีแทบตลอดทั้งเกม กับรูปแบบเกมเพลย์ที่ทำให้ผู้เล่นต้องเสียวสันหลังตลอดเวลา และที่สำคัญคือเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมาก จนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว ถึง 2 ภาคด้วยกัน รูปแบบเกมเพลย์ของ Silent Hill นั้นมีความเป็นเอกลักษณ์นอกเหนือจากเกม Survival Horror ทั่วไป นั่นคือการจำกัดวิสัยทัศน์ของผู้เล่น บรรยากาศตอนกลางวันในเกมจะถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาจัด ส่วนตอนกลางคืนก็จะมืดสนิท มีเพียงแสงจากไฟฉายที่ส่องให้เห็นบริเวณรอบข้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองวิธีนี้ทำให้ผู้เล่นจะมองเห็นศัตรูหรือสภาพแวดล้อมก็ต่อเมื่อเข้า ใกล้ในระยะหนึ่งแล้ว โดยตัวเกมยังมีอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งได้แก่เครื่องรับวิทยุขนาดเล็ก ซึ่งจะส่งเสียงรบกวนออกมาเพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้เล่นทราบว่ามีสิ่งเร้น ลับอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น อย่างไรก็ตาม แม้จะจัดว่าเป็นระบบที่ช่วยเหลือผู้เล่นจากการถูกจำกัดทัศนวิสัย แต่ในทางจิตวิทยาก็ถือว่าเป็นการเพิ่มความน่ากลัวให้ผู้เล่นเช่นเดียวกัน จากการรับรู้การมีอยู่ของศัตรูแต่ไม่สามารถมองเห็นได้นั่นเอง การออกแบบศิลป์ของเกมนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดใจผู้เล่น ทั้งสัตว์ประหลาด ฉาก นำเสนอด้านวิปริตและบิดเบี้ยวในจิตใจคนออกมาในรูปของอีกมิติของเกม ที่โลกทั้งหมดจะเต็มไปด้วยลูกกรง สนิมเหล็ก คราบเลือด ลวดหนามต่างๆ บรรยากาศของเกมออกไปทางน่าเกลียดน่ากลัว และมีความรุนแรงสูง จนทำให้เกมนี้ได้รับเรท M (Mature-สำหรับอายุ 17 ปีขึ้นไป) ถึงกระนั้นก็ยังมีแฟนๆติดตามเป็นจำนวนมาก