กคช.เดินหน้าฟื้น องค์กร เร่งดำเนินการหารายได้ทุกช่องทาง พร้อมเปิดช่องเอกชนร่วมลงทุนในโครงการสินทรัพย์รอการขายผ่านโครงการนำร่อง 11 โครงการค่ากว่า 5 พันล้านบาท ตั้งปีนี้กำไรกว่า 1,000 ล้านบาท ชงบอร์ด 26 พ.ค.นี้จัดตั้งฝ่ายบริหารสินเชื่อและหนี้ เพื่อดำเนินการจัดหาและปล่อยสินเชื่อในโครงการเช่าซื้อเต็มรูปแบบ นายวิทูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ(กคช.) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงานของกคช.ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบแผนพลิกฟื้นของกคช.เมื่อวันที่ 26 เม.ย.54 ว่ายังเห็นชอบให้คงธุรกรรมโครงการบ้านเอื้ออาทรต่อไป พร้อมกับให้ดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อองค์กรในอนาคต ตามแผนผลิกฟื้นฯดังกล่าวประกอบด้วย 1.)บริหารจัดการโครงการบ้านเอื้ออาทรจำนวนกว่า 2.81 แสนหน่วยภายในปี 2556 ปัจจุบันดำเนินการสร้างเสร็จแล้ว 253 โครงการ จำนวนกว่า 2.42 แสนหน่วย 2.)แผนบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายที่เกิดจากโครงการบ้านเอื้ออาทร 143 โครงการ และ 3.)แผนการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการทั้งรายรับและลดค่าใช้จ่าย มีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้จากการบริหารอาคารเช่าที่มีอยู่กว่า 5.17 หมื่นหน่วย ปัจจุบันมีรายได้ 600-700 ล้านบาท/ปีเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาภายใต้โครงการชุมชนรักษ์สสิ่งแวดล้อมจำนวน 29 โครงการ รวมถึงโครงการร่วมทุนกับภาคเอกชนโดยจะมีการแบ่งผลประโยชน์กัน การร่วมลงทุนนั้นมีทั้งในรูปแบบที่อยู่อาศัยและโครงการประเภทเชิงพาณิชย์ที่เอกชนเช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี คาดว่าในเดือนต.ค.นี้น่าจะสรุปได้อย่างน้อย 3 โครงการจากเป้าหมายทั้งหมดที่มีแผนร่วมทุนทั้งสิ้น 11 โครงการรวมมูลค่า5,700ล้านบาท ส่วนโครงการที่เมืองใหม่บางพลีที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทนั้นขณะนี้คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเห็นชอบแผนการดำเนินการแล้วคาดว่าจะประกาศเชิญชวนให้ภาคเอกชนที่สนใจร่วมลงทุนได้ประมาณเดือนก.ย.นี้ สำหรับแผนการพัฒนาสินทรัพย์รอการพัฒนาของโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่มีศักยภาพดำเนินการในปี 2554-58 กว่า 3.58 หมื่นหน่วยวงเงินลงทุนรวมกว่า 3.16 หมื่นล้านบาท และกลุ่มที่จะพัฒนาหลังปี2558 จำนวน 76 โครงการ ปัจจุบันกคช.มีที่ดินรอการพัฒนารวมทั้งสิ้น 1.5 หมื่นไร่ โดยเป็นที่ดินจากโครงการบ้านเอื้ออาทร 7,000-8,000 ไร่ ซึ่งตามแผนจะมีทั้งนำที่ดินออกขาย และนำมาพัฒนาใหม่ในบางโครงการที่มีศํกยภาพและมีการก่อสร้างไปแล้วบางส่วนพร้อมกับกำหนดราคาขายใหม่ เป็น 6 แสนบาท/หน่วย ซึ่งครม.อนุมัติแล้ว 4.5 หมื่นหน่วย เล็งปล่อยกู็ยกระดับปล่อยเช่าเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ยอมรับว่าในการดำเนินการโครงการเช่าซื้อที่กคช.ทำกับลุกค้าในบางกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้นั้นมีปัญหา เนื่องจากมีลูกค้าที่คิดเป็นสัดส่วน 8 % ค้างชำระที่ต้องติดตามทวงหนี้อย่างใกล้เชิดรวมถึงต้องยกเลิกในกรณีที่ลูกค้าค้างชำรติดต่อกัน 3 งวด และต้องเสียค่าปรับ 2 %จากค่างวดแต่ละเดือนในกรณีผิดนัดชำระ โดยปัจจุบันมีลูกค้าจากโครงการเช่าซื้ออยู่ประมาณ 3 หมื่นหน่วย โดยกคช.จัดเก็บดอกเบี้ยจากลุกค้าอยู่ที่ 7% จากการที่ กคช.ต้องทำที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางอย่างต่อเนื่องนั้น พบว่าลูกค้าบางรายมีความเสี่ยงเรื่องคุณสมบัติ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ แม้ว่าจะมีความสามารถในการผ่อนชำระ ดังนั้น กคช.จึงมีแนวคิดที่จะจัดตั้งฝ่ายบริหารสินเชื่อและหนี้ เพื่อดำเนินการจัดหาและปล่อยสินเชื่อในโครงการเช่าซื้อเต็มรูปแบบ สำหรับลูกค้าที่ซื้อบ้านของ กคช. ทั้งบ้านเอื้ออาทรและโครงการเคหะชุมชน โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) ในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เพื่อให้อนุมัติ ทั้งนี้ กคช.สามารถจัดหาแหล่งเงินเพื่อมาทำโครงการเช่าซื้อ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ เพราะกฎหมายของ กคช.มีการกำหนดกฎเกณฑ์เรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ในการดำเนินการเพื่อเพิ่มสภาพคล่องจากแผนงานทั้งหมดนั้นได้ขอวงเงินสินเชื้อหมุนเวียนเพิ่มจาก 750 ล้านบาทเป็น 2,240 ล้านบาท รวมถึงเงินอุดหนุนชดเชยดอกเบี้ย รวมถึงเงินอุดหนุนชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับสินทรัพย์รอการพัฒนาในลักษณะเงินกู้ยืมไม่เกิน 2 ปีด้วยเพื่อให้กคช.นำทรัพย์สินมาจำหน่ายให้เกิดรายได้ โดยในปีงบประมาณปี 2554 นี้ตั้งเป้ารายได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกทำได้ 8,000 ล้านบาท คาดมีกำไรประมาณ 1,000 ล้านบาทซึ่งต้องนำกำไรส่งเข้ารัฐบาลประมาณ 40 % มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน 2,900 ล้านบาท ภาระดอกเบี้ยจ่าย 1,500 ล้านบาท และปัจจุบันมีภารหนี้สินประมาณ 4 หมื่นล้านบาท