ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับอวัยวะภายในร่างการนั้นรักษาได้ยาก โดยเฉพาะบางอาการที่ต้องการการวินิจฉัยที่แม่นยำนั้นจำเป็นจะต้องมีการส่องกล้องเข้าไปดู ซึ่งกระบวนการส่องกล้องนี้มีความเสี่ยง ทำได้ยากลำบาก และต้องทำอย่างระมัดระวัง แต่ปัญหานี้กำลังจะหมดไป เมื่อล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน (George Washington University) ในสหรัฐอเมริกาได้สร้างกล้องจิ๋วที่มีขนาดเท่าเม็ดยาแคปซูล หรือเรียกว่า กล้องเม็ดยา – พิล แคม (Pill Cam) ที่ใช้แม่เหล็กในการเคลื่อนที่ภายในกระเพาะอาหารและถ่ายภาพส่งกลับมาให้แพทย์ได้อย่างอิสระผ่านแท่นควบคุมหรือจอยสติ๊ก (Joystick) ได้สำเร็จแล้ว ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร เรามาติดตามอ่านกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- กล้องดังกล่าวมีขนาดเทียบเท่ากับเม็ดยาแคปซูลที่ใช้รักษาโรคทั่วไป โดยที่ปลายของกล้องเม็ดยา (Pill Cam) จะมีเลนส์เดี่ยวสำหรับถ่ายวิดีโอความละเอียด 640 x 480 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi) ซึ่งให้ภาพที่อัตราเฟรม (Frame rate) อยู่ที่ 0.5 – 6 เฟรมต่อวินาที มีมุมมองภาพอยู่ที่ 160 องศา ควบคุมผ่านจอยสติ๊กแบบที่ใช้ในการเล่นวิดีโอเกมซึ่งพัฒนาโดยบริษัท แอนซ์ โรบอติกา (AnX Robotica)
-
กล้องเม็ดยาสามารถเคลื่อนที่ได้ในสามแกน ได้แก่ แกนนอน แกนตั้ง และแกนลึก (x-y-z coordinates) ซึ่งเป็นแกนการเคลื่อนที่ 3 มิติ ที่เพียงพอในการเคลื่อนตัวภายในกระเพาะอาหาร ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า เอ็มซีซีอี (MCCE: Magnetically Controlled Capsule Endoscopy) หรือเทคนิคการส่องกล้องด้วยแคปซูลที่บังคับด้วยพลังของแม่เหล็ก
-
ขั้นตอนของการใช้กล้องเม็ดยาจะคล้ายกับการส่องกล้องทั่วไป โดยงดน้ำและอาหารหลัง 20 นาฬิกา ก่อนหน้าวันส่องกล้อง และเมื่อจะส่องกล้อง ผู้ป่วยจะต้องดื่มน้ำที่มียาลดแก๊สในกระเพาะ หรือไซเมติโคน (Simethicone) ปริมาณ 1 ลิตร ก่อนกลืนกล้องเม็ดยาลงไป แพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนลงบนโต๊ะที่มีแท่นควบคุมเหนือร่างกายซึ่งปล่อยพลังแม่เหล็กที่ใช้ในการบังคับกล้อง โดยกระบวนการส่องกล้องจะกินเวลาไม่เกิน 10 นาที สัมพันธ์กับผู้ป่วยที่รู้สึกอยากอาเจียนนำสิ่งแปลกปลอม (กล้องเม็ดยา) ออกมา
-
แม้ว่าจะมีการอาเจียนหลังการรักษา แต่ในการทดสอบการรักษาด้วยกล้องเม็ดยา นักวิจัยได้นำผู้ป่วยอาสาสมัครจำนวน 40 ราย ที่มีอาการเกี่ยวกับโรคท้องเสีย หรือโรคทางเดินอาหารที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะและต้องได้รับการส่องกล้องเพื่อวินิจฉัยมาทดสอบ ซึ่งผู้ป่วยกว่าร้อยละ 80 พึงพอใจกับการส่องกล้องด้วยวิธีการใหม่นี้
-
ในการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า การรักษาด้วยเทคนิค MCCE นั้นลดความเสี่ยงในการส่องกล้องโดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉินที่อาจเพิ่มความเสี่ยงแผลติดเชื้อหรือแม้แต่ผู้ป่วยปฏิเสธการรักษาจากความกังวลว่ากล้องจะทำให้ผู้ป่วยมีเลือดออกในกระเพาะได้ ซึ่งทีมวิจัยลงความเห็นว่าการใช้กล้อง MCCE จะเปิดทางการวินิจฉัยในห้องฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การวิจัยยังคงดำเนินต่อไป โดยปรับให้กลุ่มทดลองมีจำนวนมากขึ้นเพื่อทดสอบความแม่นยำต่อไป
และนี่ก็คืออีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคน และหากมีความคืบหน้าประการใดเกี่ยวกับโปรเจ็คต์นี้อีก เราจะรีบมาอัพเดทให้ทุกท่านได้ทราบก่อนใครทันที