การควบคุมโรงงานผลิตพลุ หรือการผลิตสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ในการแสดงหรือเฉลิมฉลองที่มีวัตถุระเบิด เช่น พลุ มักจะถูกกำกับด้วยกฎหมายและข้อบังคับหลายอย่าง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค กฎหมายและข้อบังคับเหล่านี้มีวัตถุประสงค์หลักในการ
- ความปลอดภัยในการผลิต: กำหนดมาตรฐานสำหรับการผลิตเพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ รวมถึงการควบคุมการใช้วัตถุดิบที่เป็นอันตรายและกระบวนการผลิตที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
- การจัดการสิ่งแวดล้อม: การควบคุมการปล่อยสารพิษหรือของเสียจากโรงงานผลิตพลุ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การขนส่งและการจัดเก็บ: มีกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับการขนส่งและการจัดเก็บวัตถุระเบิด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและผู้ที่ทำงานในด้านนี้
- การฝึกอบรมและการอนุญาต: กำหนดให้ผู้ที่ทำงานในโรงงานผลิตพลุต้องผ่านการฝึกอบรมที่เหมาะสมและมีใบอนุญาตที่จำเป็น
- การตรวจสอบและการเฝ้าระวัง: การตรวจสอบโรงงานอย่างสม่ำเสมอโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
กฎหมายในแต่ละประเทศจะมีรายละเอียดและข้อบังคับที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมาตรฐานและประเด็นความเสี่ยงที่เฉพาะแต่ละพื้นที่จะพิจารณาเป็นหลัก
การตั้งโรงงานพลุมีข้อกำหนดเรื่องระยะห่างจากชุมชนหรือไม่
โรงงานพลุมีข้อกำหนดเรื่องระยะห่างจากชุมชนตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 34 กำหนดว่า โรงงานประเภทที่ 3 ซึ่งรวมถึงโรงงานพลุและดอกไม้ไฟ ต้องมีระยะห่างจากเขตชุมชนที่อยู่โดยรอบไม่น้อยกว่า 200 เมตร แต่ไม่เกิน 500 เมตร เว้นแต่โรงงานพลุและดอกไม้ไฟที่มีกำลังการผลิตไม่เกิน 500 กิโลกรัมต่อวัน ต้องมีระยะห่างจากเขตชุมชนที่อยู่โดยรอบไม่น้อยกว่า 100 เมตร แต่ไม่เกิน 300 เมตร
นอกจากนี้ โรงงานพลุและดอกไม้ไฟยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอื่นๆ ของพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 อีกด้วย เช่น ต้องมีแผนป้องกันและระงับอัคคีภัย ต้องมีระบบระบายอากาศที่ดี ต้องมีระบบบำบัดมลพิษ เป็นต้น
สำหรับกรณีของโรงงานพลุในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่ในเขตชุมชนและมีกำลังการผลิตเกิน 500 กิโลกรัมต่อวัน ดังนั้น โรงงานพลุดังกล่าวจะต้องมีระยะห่างจากเขตชุมชนที่อยู่โดยรอบไม่น้อยกว่า 200 เมตร แต่ไม่เกิน 500 เมตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่โดยรอบ เช่น การเกิดเสียงดัง การเกิดมลพิษทางอากาศ เป็นต้น
หากโรงงานพลุไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในเรื่องระยะห่างจากชุมชน อาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ