Gogolook, นักพัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall ที่มีภารกิจในด้านเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) ร่วมกับองค์กรต่อต้านการหลอกลวงระดับโลก GASA (The Global Anti-Scam Alliance) ได้จัดกิจกรรม Anti-Scam Asia Summit (ASAS) ที่เป็นการประชุมต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ครั้งแรกในเอเชีย ณ กรุงไทเป, ไต้หวัน
รายงานที่ถูกเปิดเผยในงานพบว่าคนเอเชียส่วนใหญ่มักมีความมั่นใจที่เกินไปว่าพวกเขารู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ โดยมีการใช้เทคโนโลยี AI ทำให้การหลอกลวงเป็นไปได้มีความแยบยลและยากต่อการตรวจสอบ คนเอเชียมีการเผชิญหน้ากับมิจฉาชีพโดยมีมากกว่าครึ่งของประชากรที่ต้องเผชิญหน้ากับมิจฉาชีพอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ในขณะที่คนไทยถูกหลอกโทรศัพท์มากที่สุดในเอเชียผ่านทางช่องทางต่าง ๆ เช่น เฟสบุ๊ค, ไลน์ และอีเมล
รายงาน Asia Scam Report 2023 ที่จัดทำโดย GASA และ Gogolook ระบุว่าเอเชียกำลังเป็นจุดเป้าหมายหลักของอาชญากรที่มีแนวโน้มในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสร้างเครือข่ายหลอกลวงได้ง่ายและรวดเร็ว การประชุม ASAS นี้เป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคระหว่างกลุ่มผู้ที่มีส่วนได้เสีย ทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย, องค์กรความปลอดภัย, แบรนด์เอเจนซี่, สถาบันการเงิน และธุรกิจ ทั่วทั้งเอเชีย
มากกว่าครึ่งของผู้เชี่ยวชาญที่ตอบแบบสอบถาม 20,000 คนจาก 11 ประเทศในทวีปเอเชียได้เปิดเผยว่าพวกเขาต้องเผชิญกับมิจฉาชีพอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โทรศัพท์และ SMS เป็นช่องทางหลักที่มิจฉาชีพใช้ในการเข้าถึงเหยื่อ
ประเทศไทยถูกหลอกทางโทรศัพท์มากที่สุดในทวีปเอเชียที่มี 88% และตามติดมาด้วยมาเลเซียที่มี 82.7%, ฮ่องกงที่มี 81.3%, และเวียดนามที่มี 80.2% คนไทยถูกหลอกผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เฟสบุ๊ค, ไลน์, และอีเมล โดยมีการหลอกลวงในรูปแบบการช้อปปิ้งออนไลน์, การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล, และการหลอกให้ลงทุน
ผลสำรวจเผยแพร่ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความมั่นใจของประชากรในเอเชียเมื่อพูดถึงเรื่องการป้องกันตนเองจากการหลอกลวง โดยมีมากกว่า 60% ของผู้เป็นประชากรที่เข้าร่วมการสำรวจมีความมั่นใจว่าพวกเขาเข้าใจและรู้จักกับกลโกงและการหลอกลวง
การวิวัฒนาการของแนวโน้มการหลอกลวงมิจฉาชีพในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น chat GPT, deep fake, การปลอมแปลงรูปภาพ, เสียง, และข้อความ URL และฟิชชิ่ง ต้องได้รับความสนใจ เนื่องจากเป็นที่น่ากลัวที่สุด
เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเป็นเหยื่อ คือถูกล่อลวงด้วยสิ่งจูงใจที่ดีเกินไป, ยอมเสี่ยงในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้ใจ, และรีบทำตามคำขอของมิจฉาชีพ
แนวโน้มหลักที่ทำให้คนไทยตกเป็นเหยื่อคือการไม่รู้ว่าถูกหลอก (22.2%), ถูกล่อลวงด้วยสิ่งจูงใจที่ดีเกินไป (19.6%), และยอมเสี่ยงในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้ใจ (17.7%) ดังนั้น, ความมั่นใจที่มากเกินไปอาจนำไปสู่การเสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อในที่สุด
พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมสนทนาในหัวข้อ Private Public Collaboration: The Possibilities & the Roadblocks กล่าวถึงภาพรวมของประชากรในการป้องกันตนเองจากการหลอกลวง พบว่ามีกว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามในเอเชียมีความมั่นใจว่าพวกเขาเข้าใจกลโกงและการหลอกลวง
ท่านกล่าวว่าปัจจุบันมิจฉาชีพสามารถเข้าถึงเหยื่อได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีการศึกษา, เจ้าของธุรกิจ, หรือคนที่รู้เท่าทัน แต่ก็ยังถูกหลอกได้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญโดยการจัดตั้งศูนย์ AOC ที่เป็นการรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือแก้ปัญหาควบคู่กับการให้ความรู้ โครงการวัคซีนไซเบอร์
Jorij Abraham ผู้จัดการทั่วไปของ GASA กล่าวว่า “GASA ต้องการช่วยผู้คนทั่วโลกไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ งานประชุม Anti-Scam Summit นี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และหวังว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมมากขึ้น รวมถึงได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน”
Jeff Kuo ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Gogolook เพิ่มเติมว่า “Gogolook ในฐานะผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น ร่วมมือกับ GASA ในการจัดประชุม Anti-Scam Asia Summit (ASAS) เป็นครั้งแรกที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทั้งภูมิภาคมาแบ่งปันข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น เน้นการสร้างความรู้ให้กับประชาชน, สร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน, และ สร้างเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน