สวัสดีคอไอทีทุกคน วันนี้เรามีข่าวสำคัญจะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า ล่าสุดสื่อต่างประเทศวิเคราะห์ การ์ดจอ AMD RX 7000 จะแรงและคุ้มพลังงานกว่า RTX 4000 คู่แข่ง ด้วยการยกระดับการผลิตให้เป็นแบบ MCM ทั้งหมด ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- นักวิเคราะห์ฮาร์ดแวร์พีซีชื่อดังจากช่อง Moore’s Law Is Dead (MLiD) ได้รับข้อมูลที่ค่อนข้างเชื่อได้ว่า AMD เตรียมจะนำขั้นตอนการผลิตชิปแบบ Multi-Chip Module มาใช้กับการ์ดผลิตการ์ดจอครั้งแรกใน RX 7000 Series รุ่นถัดไป ซึ่งเท่ากับว่าหากเป็นแบบนั้นจริง นี่อาจเป็นการพลิกโฉมวงการ GPU ที่ทำให้ RX 7000 มีประสิทธิภาพเหนือกว่าและประหยัดพลังงานกว่าคู่แข่งอย่าง NVIDIA RTX 4000 ไปได้ไกลพอสมควรเลยทีเดียว
- ต้องอธิบายก่อนว่าการผลิตชิปแบบ Multi-Chip Module หรือ MCM แปลตรงๆ ตัวว่า “ชิปหลายตัวบนโมดูลเดียว” คือการนำเอาชิปตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันด้วยเทคนิคพิเศษอย่างหนึ่ง (คล้ายๆ กับการ Crossfire 2 การ์ดจอรวมกัน) ประสิทธิภาพที่ได้ในทางเทคนิคแล้วจะแรงขึ้นกว่าเดิมได้สูงสุดเกือบ 2 เท่า หรือตามจำนวนชิปที่นำมาเชื่อมต่อกัน
- เทคนิคนี้ใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในขั้นตอนการผลิตซีพียูระยะหลัง ซึ่ง AMD เป็นผู้คิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 2017 หากนึกภาพไม่ออก ล่าสุดทาง Apple ก็ได้นำวิธีนี้มาใช้เชื่อมชิป M1 Max 2 ตัวเข้าหากัน จนเกิดเป็น M1 Ultra ที่เรารู้จักนั่นเอง
- อย่างที่กล่าวไปว่าขณะนี้ทาง AMD อาจจะนำจะนำวิธีแบบ MCM นี้มาใช้กับการ์ดจอ Radeon RX 7000 และรุ่นถัดๆ ไปทั้งหมดของตัวเองด้วย และหากสำเร็จคาดว่าประสิทธิภาพของการ์ดจอตระกูลนี้จะแรงเหนือกว่า RTX 4000 Series ค่อนข้างมาก บวกกับข่าวลือเรื่องชิป RDNA3 ขนาด 5nm จาก TSMC ที่จะนำมาใช้รอบนี้ สามารถเพิ่มจำนวนความจุคอร์ได้สูงถึง 15,350 Core เทียบกับ RX 6900 ตัวท็อปในปัจจุบันแล้ว มีอยู่เพียง 5,120 Core เท่านั้น เท่ากับว่าการ์ดจอตัวใหม่จะมีคอร์เพิ่มขึ้นมาอีกถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
- ดังนั้นเมื่อรวมทั้ง 2 ประเด็นเข้าด้วยกัน แม้ข่าวจากฝั่ง NVIDIA ยืนยันว่า RTX 4000 Series จะแรงขึ้นกว่า RTX 3000 ถึงราวๆ 60-80% เหมือนกัน แต่ MLiD ก็มั่นใจว่ายังเทียบไม่ได้กับประสิทธิภาพของ AMD รอบนี้ และตามข่าวที่ว่า NVIDIA อาจใช้ไฟมากถึง 600-800W ก็ทำให้เรื่องการจัดการพลังงานของ AMD ก็อาจจะได้เปรียบด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม งานนี้ต้องบอกว่าทั้งหมดยังเป็นแค่ข่าวลือจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เท่านั้น ส่วนจะเป็นจริงหรือมีเค้าโครงที่น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหนก็คงต้องรอติดตามกัน และหากมีความคืบหน้าประการใดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเราจะรีบมาอัพเดทให้ทุกท่านได้ทราบโดยทันที