นิยามความสุขจากนักสังคมวิทยา เขาบอกว่าความสุขเนี่ยดูได้จากการที่คนคนนั้นชอบชีวิตของตัวเองที่ดำเนินอยู่หรือเปล่า ซึ่งก็จะตอบยากเหมือนเดิม เพราะว่าเวลาเราบอกว่าเราโอเคกับชีวิตตอนนี้มากเลย แต่พอตอนเย็นคนใกล้ตัวเราดันประสบอุบัติเหตุขึ้นมาก็แปลว่าความสุขมันก็จะพังทลายไปทันที
หรือว่าเราจะมีความสุขกับชีวิตอยู่มากๆตอนนี้ แต่พรุ่งนี้ต้องไปตรวจเจอว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรง ความสุขก็พังทลายไปอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นดูเหมือนว่าความสุขมันยากที่จะเข้าใจ เป็นอะไรที่ไม่ยั่งยืน ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่ามีด้วยหรอไอ้ความสุขที่ยั่งยืนเนี่ย ดังนั้นเราจะต้องแยกให้ออกระหว่างความสุขที่มันเกิดขึ้นกับความสนุกหรือความพึงพอใจ และความสนุกความเพลิดเพลิน เพราะว่ามันเป็นความสุขที่มันอยู่กับเราไปนานๆ อารมณ์แบบมันอุ่นๆอยู่ในใจ เป็นความสุขที่ไม่ได้จางหายไปอย่างรวดเร็วนั้นเป็นความสุขที่ใครก็คงชอบ
ส่วนความสนุกหรือว่าความเพลิดเพลินใจ มันเป็นความสุขแบบชั่วคราว เป็นสิ่งที่ทุกๆคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ เช่น เราได้กินขนมอร่อยๆ ได้ไปเที่ยวไหนที่สวยๆ ได้ดูหนังสนุกๆ ได้ดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชอบ ทันทีที่เหตุการณ์นั้นจบลงมันก็จะกลับมาเป็นภาวะปกติหรือบางทีก็รู้สึกเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ
ซึ่งคนส่วนใหญ่เนี่ยรวมถึงผมด้วยจะใช้ชีวิตเพื่อที่จะวิ่งไล่ตามสิ่งเหล่านี้ เหตุผลที่เราไปปาร์ตี้ ช้อปปิ้ง กินของอร่อย เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของชีวิตมนุษย์ เราจำเป็นจะต้องมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตไม่งั้นคงจะห่อเหี่ยน่าดู แต่ถ้าเราเสพติดหรือว่าวิ่งไปไขว่คว้าสิ่งเหล่านี้มากเกินไป จนมันเหมือนกับไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวหรือว่าไม่มีที่สิ้นสุด พอถึงวันนึงที่เราไม่ได้เสพไม่ได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ เราเริ่มรู้สึกว่าชีวิตมันว่างเปล่าชีวิตมันไม่มีความหมายหรือว่าเราไม่พอใจกับชีวิตตัวเอง มันก็จะเริ่มน่ากลัวเพราะว่าเราอาจจะให้เวลาและความสำคัญกับความสนุกมากกว่าความสุขที่แท้จริง
มองไปถึงกรณีตัวอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยว 2 คนไปเที่ยวสถานที่หนึ่งด้วยกันแล้วเจอฝนตก ระหว่างทางที่เดินผ่าน คนหนึ่งบอกว่าการเดินผ่านโคลนระหว่างทางมันช่างน่าขยะแขยง ส่วนอีกคนหนึ่งบอกว่าเป็นความท้ายทายและสนุกกับการได้เดินเหยียบย่ำเส้นทางเหล่านั้น จะเห็นได้ว่าโลกใบเดียวกัน แต่มองเห็นโลกไม่เหมือนกันเลยแล้วจริงๆนี่เป็นเพียงการมองแค่โลก 2 ใบในโลกเดียวกัน แต่คนจำนวน 7 พันล้านคนบนโลกนี้ น่าจะมีการมองเห็นโลกที่แตกต่างกันไป 7,000 ล้านแบบเช่นกัน
ความสุขในความธรรมดา คือการที่เราตามหาความสนุกเพราะว่าเราเบื่อหน่ายและทนไม่ได้กับความธรรมดาพูดง่ายๆว่าเราไม่อยากเป็นคนธรรมดา อยากจะเป็นคนพิเศษ อยากจะเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังอยากจะมีชีวิตที่ท้าทายหรือว่ามีผู้คนชื่นชม ชีวิตส่วนใหญ่ของคนเราเนี่ยล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเรื่องธรรมดา ตื่นมาบนเตียงเดิม อาบน้ำห้องน้ำแบบเดิม กินข้าวเหมือนเดิม ทำงานแล้วก็กลับบ้านรถติดเหมือนเดิมทุกวัน เจอเพื่อนกลุ่มเดิมๆ เจอพ่อแม่พี่น้องในบ้านเหมือนเดิม จริงๆแล้วชีวิตเนี้ยมีความเป็นธรรมดาเป็นส่วนใหญ่ แต่เราเรียนรู้สึกว่าไม่พอใจกับความธรรมดาเหล่านี้จนกระทั่งจะรู้ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียความธรรมดาเหล่านี้ไป
ถ้าวันหนึ่งถ้าเราสูญเสียคนที่เรารักไปหรือเกิดปัญหาต่างๆในชีวิต ทำให้ชีวิตเราไม่ปกติและธรรมดาแบบที่เคยเป็น เราก็จะหวนคิดถึงความธรรมดาที่เราเคยรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมากๆขึ้นมาทันที
ดังนั้นอยากจะให้ลองรู้จักชื่นชมความธรรมดาที่เรามี ลองสร้างนิสัยให้กับตัวเองก่อนที่จะหลับตานอนทุกคืนลองนึกถึงเรื่องที่ควรจะขอบคุณในวันนี้ วันธรรมดาธรรมดาแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดาก็ได้ที่เราเคยมองข้ามไปขอบคุณกับชีวิตปกติของเราดูสักวันละ 3 เรื่องก็ได้ เมื่อเรามองเห็นถึงความพิเศษในความธรรมดาจะค้นพบและก็เข้าใจว่าปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำหรือว่าบินอยู่บนอากาศ แต่ปฏิหารย์คือการเดินอยู่บนพื้นดินและมีความสุขในทุกก้าวย่างความสุข ความสุขเนี่ยจะอยู่ที่นี่เสมอความสุขไม่เคยรอเราอยู่ที่อื่น จะไม่มีความสุขในทุกทีและถ้าเกิดว่าเราเชื่อว่าความสุขเนี่ยรอเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง และเมื่อเราไปถึงตรงนั้นจริงๆ เราก็จะรู้สึกแบบเดิมอีกทีว่ามันไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้ว ละมันก็ต้องอยู่ข้างหน้า อีกสถานีหนึ่ง อีกสถานที่หนึ่ง ที่ต่อไปเรื่อยๆ แน่ๆ อยากให้ลองเปลี่ยนความคิดตรงนี้ดูจากที่ความสุขเกิดขึ้นเมื่อเราพอใจในความธรรมดาต่างหาก
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ^^