ช่วงนี้มีข่าวงูเข้าห้องน้ำแทบทุกวัน เชื่อว่าก่อนหน้านี้ก็น่าจะมีงูเข้าห้องน้ำมานานแล้วละครับ แต่มันไม่เป็นข่าวหลังจากที่มีผู้โชคร้ายโดนเจ้างูกัดตรงอวัยวะเพศเอา ก็เลยกลายเป็นประเด็นที่ใครหลายคนสนใจ และเชื่อว่าชาวไอทีเมามันส์ก็คงติดตามประเด็นนี้อยู่หลายคน
เท่าที่ดูข้อมูลจากในอินเทอร์เน็ตมีบอกไว้าหลายๆข้อที่อาจจะใช้และทำให้งูกลัวได้ โดยหลักการพื้นฐานก็คงต้องทำความเข้าใจงูก่อน โดย “งู” เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ลำตัวยาว ไม่มีขา เคลื่อนไหวได้ด้วยการเลื้อยอย่างปราดเปรียวและว่องไว ยกเว้นงูขนาดใหญ่ที่มักเคลื่อนที่ช้า ลำตัวมีเกล็ดหุ้ม ไม่มีเปลือกตา มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้รับความรู้สึกทางกลิ่น ทั้งนี้ส่วนใหญ่งูมักจะกลัวคนและไม่ค่อยกัด นอกจากถูกรบกวน โดยจะออกหาเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว และมักกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น หนู, จิ้งจก, ลูกไก่, กระต่าย ฯลฯ
โดย งู มีอยู่จำนวนนับร้อยชนิด ทั้งแบบมีพิษ และไม่มีพิษ แต่ที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทยคือ งูเห่า (มีพิษ) งูจงอาง (มีพิษ) งูเขียว (ไม่มีพิษ หรือมีพิษน้อย) งูหลามและงูเหลือม (ไม่มีพิษ แต่เขมือบเหยื่อได้ทั้งตัว) เป็นต้น
ใช้อะไรไล่ “งู” ดี?
ซึ่งข้อมูลที่ได้ได้ยืนยันก็จะมีวิธีไล่งูดังนี้
- น้ำมันกลิ่นฉุน – กลิ่นแรง ๆ ของน้ำมันเครื่อง น้ำมันก๊าด น้ำมันสน หรือน้ำมันรถ จะทำให้งูไม่อยากย่างกรายเข้ามาใกล้ เพราะงูเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นแรง ๆ ดังนั้นในช่วงหน้าฝน หรือหากพบเห็นงูมาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ บ้าน ก็ลองเอาน้ำมันกลิ่นแรง ๆ ไปราดไว้บริเวณรอบ ๆ บ้าน ก็จะช่วยไล่งูให้หนีไปทางอื่นได้
- เลี้ยงสุนัข – แม้ดูแล้วจะเหมือนให้สุนัขเสี่ยงอันตรายแทน แต่ที่จริงแล้วสุนัขมักจะไม่นิ่งเฉยหากมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาใกล้ ส่วนงูก็เป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย ดังนั้นหากงูเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ บ้าน สุนัขก็จะส่งเสียงเห่า ทำให้งูตกใจและหนีไปเอง บ้านไหนที่เลี้ยงสุนัขเอาไว้จึงได้เปรียบในกรณีนี้ แต่หากเป็นงูขนาดใหญ่สุนัขก็อาจเกิดอันตรายได้
- กำมะถัน – แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า กำมะถัน ใช้กันงูได้จริงหรือไม่ แต่หลายบ้านก็นิยมใช้กำมะถันผสมน้ำแล้วโรยเอาไว้รอบบ้าน เพื่อป้องกันงูเช่นกัน เนื่องจากเชื่อว่ากลิ่นฉุนของกำมะถันจะทำให้งูเลี่ยงไปทางอื่น ซึ่งในกรณีนี้อาจป้องกันงูไม่ได้ทุกชนิดและทุกตัว และอาจต้องโรยบ่อยในช่วงหน้าฝน เนื่องจากกลิ่นกำมะถันจะจางหายไปได้ง่าย
สำหรับที่เอามาไล่งูกันก็ประมาณนี้ครับ แต่มีชาวเน็ตพยามจะหาคำตอบว่ามันใช้ได้จริงไหม ซึ่งหลายวันก่อนเห็นข่าวออทีวี มันไม่กลัวยาฆ่าแมลง หรือนำมันกลิ่นฉุนนะ แต่อาจจะไม่ชอบ ตัวอย่างเช่นมีการพิสูจน์ล่าสุดที่เกิดขึ้นคือ “งู” ไม่กลัวน้ำมันก๊าดเลยจ้า เตือนแชร์อะไรควรเช็คก่อน จาก MGR Online
เพจเฟซบุ๊ก สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย “Snake Farm – QSMI” ได้โพสต์คลิปวิดีโอทดสอบว่างูกลัวน้ำมันก๊าดจริงหรือไม่ ด้วยการนำน้ำมันก๊าดเทใส่ฝาถังรอบนอก โดยมีงูอยู่ตรงกลางฝา ผลปรากฎว่างูเลื้อยผ่านน้ำมันก๊าดออกมาด้านนอก โดยไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
คำแนะนำป้องกัน “งู” เข้าบ้าน
- อย่าให้บ้านเราเป็นแหล่งรวมอาหารของงู เช่น กำจัดหนูโดยการดัก เบื่อ และจัดบ้านให้สะอาด เป็นระบียบเรียบร้อยไม่รกรุงรัง
- ทิ้งขยะให้เป็นที่และมิดชิดเพื่อไม่ให้หนูกิน เมื่อประชากรหนูลดลง งูก็จะลดลงตามไปด้วย
- ท่านใดที่ชอบเลี้ยงสัตว์ก็ควรเลี้ยงสัตว์ที่เป็นศัตรูกับงูเพื่อไว้ไล่งู เช่น เลี้ยงหมา แมว ห่าน เป็นต้น ฯลฯ
- ลดแหล่งที่อยู่ จัดสภาพแวดล้อมให้ยากและไม่เหมาะสมแก่งูที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ หรือทำรังวางไข่ อย่าทิ้งพื้นที่ให้รกซึ่งจะเป็นแหล่งให้งู สามารถหลบซ่อนได้เช่น การอุดรู ใส่ตะแกรงท่อระบายน้ำ หรือทุกเส้นทางที่จะเข้าไปในตัวบ้านกลบหลุมหรือ โพรงที่มีตามสนามหรือขอบรั้ว กำแพง ตัดกิ่งไม้ที่พาดหรือใกล้ชายคาตัวบ้านหรือรั้ว กำแพง ฯลฯ
- แผ่นกันงู เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับติดไว้ที่ผนัง หรือเสาไฟ เพื่อดักไม่ให้งูเลื้อยผ่าน เพราะแผ่นกันงูทำจากพลาสติกที่มีความลื่นสูง จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการเลื้อย ซึ่งอาจทำให้งูตกลงมาหรือหมดแรงไปก่อน
- ตาข่าย การติดตั้งตาข่ายเอาไว้รอบบริเวณที่คาดว่าจะเป็นทางเดินของงู เพื่อเข้าสู่ตัวบ้าน ก็จะช่วยดักงูไว้ได้อีกทาง ซึ่งตาข่ายที่นำมาติดตั้งนั้น ควรเลือกที่มีตาชิด ให้งูไม่สามารถลอดผ่านได้ หรือใช้ตาข่ายดักปลาแทนก็ได้ งูก็จะติดอยู่กับตาข่าย ไม่เลื้อยเข้าไปในบ้าน
- มุ้งลวด นอกจากตาข่ายแล้ว มุ้งลวดก็เป็นอีกอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันงูได้ในกรณีที่อยากใช้ในการปิดทางเดิน ไม่ให้งูเลื้อยผ่าน ซึ่งมุ้งลวดอาจมีความแตกต่างตรงที่ไม่สามารถดักให้งูติดอยู่ได้ แต่ก็สามารถป้องกันขวางทางเอาไว้ได้เช่นกัน
ถ้าเจอ “งู” ในบ้านทำอย่างไร?
แม้ว่าจะสรุปไม่แน่ชัดว่างูกลัวอะไรแล้วจริงๆ แต่สำหรับใครที่เจองูเข้าบ้านจริงๆแล้ว แนะนำว่าให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
- โทรหาจ.ส. 100*, สวพ. 91, หน่วยกู้ภัยท้องถิ่น หรือ จ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่ามาจับหากเกรงว่างูจะมีพิษ. ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเป็นผู้จัดการกับงูพิษหรือแม้แต่ลูกของงูพิษ พยายามสังเกตว่างูที่คุณต้องการกำจัดเป็นอันตรายหรือไม่ ถ้าไม่มั่นใจว่างูตัวนั้นมีหรือไม่มีพิษ ให้ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อนแล้วโทรหาหน่วยงานข้างต้นที่สามารถช่วยเหลือคุณได้
- นำงูไม่มีพิษออกจากบ้านด้วยตนเอง. งูจำนวนมากที่คนพบในบ้านหรือในสวนของตนนั้นไม่มีพิษ พวกมันมักจะไม่กัด แต่ถ้าโดนกันเข้า จะไม่ส่งพิษผ่านรอยกัดเข้าร่างกายคน ถ้าคุณสะดวกใจที่จะจัดการนำงูออกจากบ้านด้วยตนเอง ลองปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
- ใช้ไม้กวาดต้อนงูไปใบแผ่นพลาสติก แผ่นไม้ หรือวัตถุที่มีพื้นผิวเรียบอย่างอื่น
- ครอบถังขยะหรือถังชนิดอื่นลงไปบนตัวงู
- สอดมือเข้าไปใต้วัตถุที่รองรับตัวงูอยู่ และวางมืออีกข้างไว้บนก้นถัง
- กลับด้านถังขึ้น ให้งูตกลงไปอยู่ในถัง หาฝามาปิดถังไว้
- นำงูไปยังป่าหรือบริเวณที่ไกลออกไปจากบ้านของคุณ
- ปล่อยงูออกไปข้างนอก. ถ้าคุณเจองูอยู่ในโรงรถหรือในห้องที่ติดกับด้านนอกบ้าน ให้ปิดประตูที่เชื่อมกับตัวบ้าน และเปิดประตูที่เชื่อมกับด้านนอกบ้านให้งูเลื้อยออกไปได้
- จับงูด้วยกาวดักสัตว์. ถ้าสงสัยว่าอาจมีงูอยู่ในห้องใต้หลังคา โรงรถ ห้องใต้ดิน หรือที่อื่นๆในบ้าน ให้วางกาวดักสัตว์ไว้ตามแนวกำแพงในบริเวณดังกล่าว หากงูเลื้อยผ่านจะได้ติดอยู่กับกาวดัก
ข้อควรระวังเมื่อเจอ “งู” ในบ้าน
- อย่าจัดการกับงูด้วยตนเองหากไม่แน่ใจว่างูนั้นไม่เป็นอันตราย
- เวลาถูกงูไม่มีพิษกัดจะเลือดไหลมากกว่างูมีพิษมาก เพราะน้ำลายของพวกมันมีสารที่ระงับการแข็งตัวของเลือด ยิ่งไปกว่านั้นงูเหล่านี้มักจะกัดซ้ำหลายครั้งอีกด้วย
- ถ้าคุณถูกงูพิษกัด ต้องมีคนสามารถระบุได้ว่างูนั้นเป็นงูอะไร จะเป็นประโยชน์ยิ่งเมื่อรับการรักษา เพราะแพทย์จะสามารถให้ยาต้านพิษที่ถูกต้องตามประเภทงูได้ สำหรับในกรณีของประเทศอังกฤษแล้ว ข้อนี้จะไม่จำเป็น เพราะเกาะอังกฤษมีงูเเอดเดอร์เพียงชนิดเดียว
- อย่าทิ้งสัตว์ใดก็ตามไว้ในกาวดักสัตว์ ตรวจเช็คกับดักสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสัตว์ชนิดใดกำลังทรมานดิ้นรนอยู่ หลายประเทศชี้ว่าการกระทำแบบนี้ทารุณสัตว์ ให้ใช้น้ำมันพืชเทรดสัตว์ที่ติดกาวเสมอ เพื่อให้มันหลุดออกไปได้ สัตว์อาจทำหน้าของมันติดที่กาวจนหายใจไม่ออก หรือดิ้นหนีจนผิวหนังฉีกได้