ช่วงนี้วงการยานยนต์กำลังร้อนแรงสุด ๆ หลังมีข่าวรายงานจากเว็บไซต์ Motor1.com ออกมาว่า Honda กับ Nissan อาจกำลังวางแผนควบรวมกิจการกัน แต่ดูเหมือนว่า Mitsubishi จะไม่ถูกนับรวมเข้าไปด้วย! หลายคนได้ยินแล้วอาจจะตกใจ ว่าเอ๊ะ ทำไมแบรนด์ใหญ่อย่าง Mitsubishi ถึงถูกกันออกไปข้างนอก? บอกเลยว่าเรื่องนี้มีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด เพราะนอกจากจะเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของวงการรถยนต์ญี่ปุ่นแล้ว ยังอาจส่งผลสะเทือนทั่วโลกอีกด้วย
แม้ว่ากระแสข่าวนี้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากฝั่ง Honda หรือ Nissan แต่ดูเหมือนว่าข่าวลือเกี่ยวกับการควบรวม (Merger) ของสองบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งญี่ปุ่น จะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ และไม่น่าใช่กระแสที่ออกมาลอย ๆ โดยไม่มีมูล ทั้งนี้ก็ต้องจับตาดูท่าทีของทั้งสองบริษัทอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ในวงการยานยนต์กันเลยทีเดียว
สำหรับคนที่อาจจะงงว่าทำไม Mitsubishi ถึงไม่ได้อยู่ในลิสต์การควบรวมกับ Nissan ทั้งที่ก่อนหน้านี้ Nissan เองก็เป็นส่วนหนึ่งใน Alliance ใหญ่ร่วมกับ Renault และ Mitsubishi มาโดยตลอด คำอธิบายหนึ่งที่หลายสำนักวิเคราะห์กันก็คือ “แนวทางการพัฒนาธุรกิจอาจไม่สอดคล้องกัน” หรืออาจจะมีเหตุผลเบื้องหลังในเรื่องของการเงินและโครงสร้างการลงทุน ซึ่งอาจทำให้ Honda ไม่อยากเปิดดีลสามฝ่ายให้ซับซ้อนมากขึ้น บางคนก็มองว่านี่อาจเป็นเรื่องของการชิงความได้เปรียบด้านการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ระหว่างค่ายยักษ์ใหญ่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ชื่อของ Mitsubishi จะไม่ติดโผการควบรวมในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Mitsubishi จะถูก “เมิน” จากอุตสาหกรรมยานยนต์ไปเลย เพราะแบรนด์นี้ยังมีความแข็งแกร่งในหลายตลาด โดยเฉพาะในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่บ้านเราคุ้นเคยกันดี) รวมถึงตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่รถกระบะ Mitsubishi Triton ขายดีไม่น้อย อีกทั้ง Mitsubishi ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Renault–Nissan–Mitsubishi Alliance ซึ่งมีโครงสร้างและข้อตกลงในด้านการแชร์เทคโนโลยี การพัฒนา และชิ้นส่วนบางอย่างร่วมกันอยู่แล้ว
มองให้ลึกกว่านั้น การควบรวมระหว่าง Honda กับ Nissan อาจเป็นความพยายามปรับตัวครั้งใหญ่ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดในยุครถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้เล่นหลัก ๆ อย่าง Tesla, BYD หรือแม้แต่ผู้ผลิตรายเก่าอย่าง Volkswagen ต่างก็ทุ่มงบวิจัยและพัฒนาชนิดไม่อั้น นอกจากนั้นยังมีแรงกดดันในเรื่องมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและการลดคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลายประเทศตั้งเป้าไว้ ยิ่งทำให้ค่ายรถต้องเร่งพัฒนานวัตกรรม EV และเทคโนโลยีแบตเตอรีกันอย่างเต็มที่
หาก Honda รวมกับ Nissan จริง ๆ สิ่งที่หลายคนคาดหวังคือการแชร์ฐานการผลิต เทคโนโลยีวิจัยพัฒนา และเครือข่ายจัดจำหน่ายในระดับโลกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Honda มีจุดแข็งด้านเครื่องยนต์และเทคโนโลยีการผลิต (หลายคนอาจคุ้นชื่อ Honda Racing ในสนามแข่งต่าง ๆ) ส่วน Nissan เองก็มีความเชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Nissan Leaf ที่เปิดตลาด EV มาก่อนใครในฝั่งญี่ปุ่นมานาน แถมยังมีการวิจัยแบตเตอรีล้ำ ๆ ภายใต้การสนับสนุนจาก Renault–Nissan–Mitsubishi Alliance อีกต่างหาก
คำถามคือ พอเราเอาจุดแข็งของ Honda ด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม มาบวกกับประสบการณ์ของ Nissan ในด้าน EV แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนว่าหลายคนอาจตื่นเต้นที่จะได้เห็นรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถผสานจุดเด่นทั้งสองค่ายออกมาเป็นโปรดักต์สุดล้ำ แล้วประกอบกับเครือข่ายการขายและบริการหลังการขายที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ต้องระวังเช่นกันว่า การควบรวมกิจการมักมาพร้อมความท้าทายในด้านการบริหาร จัดการวัฒนธรรมองค์กร และการแบ่งส่วนแบ่งต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาภายในได้
อีกประเด็นหนึ่งที่หลายคนหยิบมาคุยคือ การตัด Mitsubishi ออกไป อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วใน Renault–Nissan–Mitsubishi Alliance หรือไม่? เพราะในช่วงที่ผ่านมา Nissan กับ Renault ต่างก็มีปัญหาภายในและดราม่าเรื้อรังกันมานาน ไม่ว่าจะเป็นการจับกุม Carlos Ghosn หรือประเด็นเรื่องการปรับสัดส่วนการถือหุ้น แม้ระยะหลังจะดูเหมือนสงบลง แต่หากเกิดการเปลี่ยนโครงสร้างด้านการลงทุนครั้งใหญ่อีก ก็ต้องตามดูกันยาว ๆ ว่า Alliance เดิมจะอยู่ต่อไปในรูปแบบไหน
สำหรับ Mitsubishi ในแง่ของตลาดบ้านเรา แม้อาจไม่ได้มีข่าวใหญ่โตเหมือนค่ายอื่นในช่วงนี้ แต่ Mitsubishi ก็ยังมีแฟนคลับเหนียวแน่น โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบรถกระบะ หรือรถอเนกประสงค์ (SUV) อย่าง Pajero Sport ที่ทำยอดขายได้ดีในหลายประเทศ ฉะนั้น คิดว่าต่อให้ Mitsubishi ถูกกีดกันออกจากการควบรวม มันก็อาจไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะตกลงไป แต่คงต้องวางกลยุทธ์ใหม่ในการแข่งกับค่ายอื่น ๆ ที่กำลังรุกหนักในตลาด EV และรถยนต์ไฮบริดด้วยเช่นกัน
ประเด็นเรื่องเทคโนโลยี EV ที่หลายคนโฟกัสกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกให้การสนับสนุน และประชาชนเองเริ่มหันมาสนใจเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมากขึ้น การควบรวมอาจทำให้เกิดการประหยัดต้นทุนวิจัยพัฒนา รวมทั้งช่วยให้สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ในราคาที่จับต้องง่ายขึ้น พร้อมเครือข่ายจำหน่ายที่ใหญ่กว่าเดิม เมื่อเทียบกับการที่ค่ายรถแต่ละค่ายจะต้องทุ่มเงินพัฒนาคนเดียว แต่ถ้าเกิดหลายฝ่ายร่วมมือกันก็จะประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากรไปได้ไม่น้อย
มีนักวิเคราะห์บางส่วนชี้ให้เห็นว่าค่ายรถในญี่ปุ่นเองกำลังเผชิญกับ “คลื่นความเปลี่ยนแปลง” ลูกใหญ่ เพราะเดิมทีแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota, Honda, Nissan, Mazda, Subaru, Mitsubishi ต่างมีเอกลักษณ์และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ถ้าเกิดมีการควบรวมมากขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจเห็นการจับกลุ่มของค่ายรถใหญ่ ๆ จนเหลือไม่กี่เจ้าในอนาคต เพื่อสู้กับคู่แข่งที่มีกำลังทุนหนาและเดินเกมรุกไวอย่างจีนหรือสหรัฐฯ ก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ด้าน Honda และ Nissan ยังไม่ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ ว่าแผนการควบรวมที่หลุดออกมาในรายงานของ Motor1.com จะเกิดขึ้นจริงไหม และถ้าเกิดขึ้นจริงจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง หลายคนคาดว่าในปีนี้หรือปีหน้า เราอาจจะได้ยินความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้น เพราะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเองก็เติบโตเร็ว ถ้าจะออกมาชิงส่วนแบ่งตลาด EV ระดับสากล ค่ายรถก็อาจต้องเร่งมือจัดการสรุปดีลและวางแผนให้ไวที่สุด
สำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามข่าวสารอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะคนที่เป็นแฟน Honda หรือ Nissan อาจทั้งตื่นเต้นและกังวลไปพร้อมกัน ว่าหากเกิดการควบรวมจริง รถรุ่นโปรดที่เราเคยซื้อ เคยใช้ หรือกำลังเล็งอยู่ จะได้รับอานิสงส์อย่างไร หรือจะมีรุ่นอะไรมาใหม่ที่น่าสนใจในอนาคต ส่วน Mitsubishi เองก็อาจเดินหน้าพัฒนาโปรเจกต์ร่วมกับ Renault ต่อไป หรืออาจมีความร่วมมือรูปแบบอื่น ๆ ตามมา สุดท้ายแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และข้อตกลงเชิงธุรกิจที่ทั้งสามค่ายยานยนต์จะต้องหาข้อสรุปให้ลงตัว
โดยสรุปแล้ว ข่าวที่ว่า The Honda-Nissan Merger Won’t Include Mitsubishi: Report จาก Motor1.com อาจเรียกว่า “ประเด็นร้อน” ที่สั่นสะเทือนวงการยานยนต์ได้ไม่มากก็น้อย ถึงแม้ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นแค่รายงานและข่าวลือ ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าการเจรจาเกิดขึ้นจริงไหม หรือจะจบลงแบบไหน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ การปรับกลยุทธ์ การควบรวมกิจการ และการร่วมพัฒนาเทคโนโลยีระหว่างค่ายรถ จะเป็น “เทรนด์” สำคัญที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้น และเทคโนโลยียานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อโลกหมุนไวขนาดนี้ ใครที่ก้าวไม่ทันก็อาจตกขบวนได้ง่าย ๆ ดังนั้นเราจึงได้เห็นทั้งดีลซื้อขาย ดีลควบรวม หรือการจับมือเป็นพันธมิตรของแบรนด์ใหญ่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เรื่องรถยนต์ แต่รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แบตเตอรี หรือแม้แต่ชิปประมวลผล
สำหรับคนรักรถบ้านเรา ไม่ว่า Honda หรือ Nissan หรือแม้แต่ Mitsubishi จะเดินหน้าทางไหน สิ่งที่น่าจับตาคือความหลากหลายของรถรุ่นใหม่ ๆ ที่อาจจะเติมสีสันให้กับตลาด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สันดาปแบบเดิม ๆ รถยนต์ Hybrid หรือรถยนต์ EV ที่เป็นเทรนด์แห่งอนาคต และการเชื่อว่าการควบรวมหรือการพัฒนาร่วมกัน อาจทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าในตลาดเข้าถึงได้มากขึ้น รวมถึงบริการหลังการขายที่จะพัฒนาขึ้นตามเครือข่ายที่ขยายออกไป
สุดท้าย ถ้าคุณเป็นแฟน Mitsubishi อย่าเพิ่งน้อยใจไป แม้ว่าข่าวลือนี้จะฟังดูเหมือนว่าแบรนด์โปรดของคุณโดนกันออกนอกวง แต่ในโลกธุรกิจ อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ต่อให้โดนกันวันนี้ พรุ่งนี้อาจมีพันธมิตรรายใหม่เปิดดีลเข้ามา หรืออาจมีโปรเจกต์ลับที่ Mitsubishi พัฒนาอยู่ และพร้อมจะปล่อยไม้เด็ดก็ได้ ใครจะไปรู้? สิ่งสำคัญคือ จับตาข่าวสารอย่างมีสติ รอดูทิศทางอย่างใจเย็น แล้วลองพิจารณาว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นมีผลต่อชีวิตของเราแค่ไหน ถ้าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก ก็ถือว่าเป็นแค่เรื่องตื่นเต้นในวงการที่ให้เราติดตามเท่านั้นเอง
เอาล่ะ พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่าสถานการณ์ยังไม่มีอะไรแน่นอน ถ้า The Honda-Nissan Merger เกิดขึ้นจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แน่นอน และถ้าการควบรวมครั้งนี้ยังยืนยันว่าจะไม่รวม Mitsubishi ไว้ในดีลจริง ๆ เราคงต้องมาดูกันต่อว่า Mitsubishi จะเดินเกมไหนต่อไป จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ได้มากน้อยขนาดไหน หรือจะมีพันธมิตรใหม่โผล่มาอีกในอนาคต? นี่แหละคือเสน่ห์ของโลกยานยนต์ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง