บริษัทขนาดยักษ์ 3 แห่งของสหรัฐ ประกาศเตือนว่า จะปลดพนักงาน เพื่อรักษาผลกำไรของบริษัท ขณะรายได้อ่อนแอลง โดยบริษัท 3 แห่งนี้ได้แก่ดาว เคมิคัล โค, ดูปองท์ โค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ (UTX) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการทหาร โดยดูปองท์และ UTX เป็นบริษัทที่อยู่ในการคำนวณดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดาว เคมิคัล ระบุว่า จะปลดพนักงานออก 2,400 ตำแหน่ง หรือราว 5 % ของจำนวนพนักงานทั้งหมด และจะปิดโรงงานผลิต 20 แห่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดต้นทุนทางการผลิตลง 500 ล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้ ดาว เคมิคัลยังระบุว่า จะตัดงบลงทุนด้านทุนลงเพื่อประหยัดเงินเพิ่มขึ้นอีก 500 ล้านดอลลาร์ด้วย ด้านดูปองท์ ระบุว่า วางแผนจะปลดพนักงาน 1,500 คน หรือราว 2 % ของจำนวนพนักงานทั่วโลก ในขณะที่บริษัทต้องรับมือกับอุปสงค์ที่ลดลงจากภาคก่อสร้างและภาคพลังงานที่ทดแทนได้ ขณะที่ UTX ไม่ได้ระบุว่า จะปรับลดพนักงานมากเพียงใด แต่ระบุว่า จะเพิ่มงบประมาณในการปรับโครงสร้างบริษัทขึ้น 20 % สู่ 600 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อุปสงค์ในอุปกรณ์ทางการทหารของ UTX ร่วงลง โดยทั้งดูปองท์และ UTX รายงานยอดขายที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มโดยรวมในตลาดหุ้นสหรัฐ ในบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาแล้วนั้น บริษัท 63 % เปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 38 % เป็นอย่างมาก นายหลุยส์ เชเนเวอร์ท ซีอีโอของ UTX กล่าวว่า “เรากำลังพิจารณาภาวะเศรษฐกิจมหภาคอย่างระมัดระวัง เพราะเศรษฐกิจยุโรปยังคงอยู่ในภาวะเฉื่อยชาเป็นอย่างมาก และเศรษฐกิจอเมริกาเหนือก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า” นอกเหนือจากบริษัท 3 แห่งนี้แล้ว บริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป ก็ประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า ทางบริษัทจะปลดพนักงานออก 15 % จากจำนวนทั้งหมด 12,000 คน เพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ และต่อการที่ผู้บริโภคหันไปใช้คอมพิวเตอร์แทบเล็ตมากยิ่งขึ้น บริษัทคัมมินส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์, บริษัทเพย์พอล ซึ่งอยู่ในเครือของอีเบย์ อิงค์ และบริษัทอะพอลโล กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งทำธุรกิจมหาวิทยาลัยแบบหวังผลกำไร ต่างประกาศปลดพนักงานเช่นกันในช่วงต้นเดือนนี้ ถึงแม้อัตราการว่างงานของสหรัฐลดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 4 ปีที่ 7.8 % ในเดือน ก.ย. แต่อัตราดังกล่าว ยังคงเป็นอุปสรรคขัดขวางเศรษฐกิจสหรัฐจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และถึงแม้การประกาศปลดพนักงานเหล่านี้ ครอบคลุมกิจการทั้งในสหรัฐและประเทศอื่นๆ แต่ข่าวดังกล่าว ก็ไม่ถือเป็นข่าวดีสำหรับประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งกำลังได้รับคะแนนนิยมสูสีกับนายมิทท์ รอมนีย์ ผู้แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน โดยนายรอมนีย์มักจะโจมตีปธน.โอบามาในเรื่องการจัดการด้านเศรษฐกิจ ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะนี้ บ่งชี้ว่า อาจจะมีการปลดพนักงานออกมากยิ่งขึ้นในอนาคตด้วย โดยบริษัทแชลเลนเจอร์, เกรย์ แอนด์ คริสต์มาส รายงานว่า นายจ้างในสหรัฐ ประกาศปลดพนักงานออกในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5 % จากเดือนส.ค. หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวลดลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 20 เดือนในเดือนส.ค. นายจอห์น แชลเลนเจอร์ ซีอีโอของบริษัทแชลเลนเจอร์, เกรย์ แอนด์ คริสต์มาส กล่าวถึงข่าวการปลดพนักงานออกของดูปองท์ว่า “ข่าวนี้อาจจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” ส่วนนายเพอร์รี อดัมส์ ผู้จัดการพอร์ทลงทุนของธนาคารนอร์ธเวสเทิร์น กล่าวว่า “รายได้ของภาคเอกชนชะลอตัวลง จึงหันไปใช้วิธีปลดพนักงานออกเพื่อหนุนตัวเลขกำไรให้เพิ่มสูงขึ้น แต่จำนวนพนักงานอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว ดังนั้นภาคเอกชนจึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในเรื่องนี้” บริษัทในหลายภาคธุรกิจเปิดเผยตัวเลขรายได้ที่ต่ำเกินคาดในไตรมาส 3 ซึ่งรวมถึง 3M ที่เป็นผู้ผลิตสินค้าหลากหลายประเภท, ซีร็อกซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์เทคโนโลยี และยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส อิงค์ (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุอันดับหนึ่ง