บอร์ดอีวี (คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ) เสนอแพ็กเกจมาตรการส่วนลดซื้อรถ EV ของประชาชนให้ครม. พิจารณาบังคับใช้ ให้ทันวันที่ 1 ม.ค. 65 เพื่อเป็นของขวัญและกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV มากขึ้น
วิดีโออธิบายรายละเอียดโครงการส่วนลดซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
โดยระยะเวลามาตรการยาว 4-5 ปี โดยรัฐจะมีวงเงินอุดหนุนที่ 40,000 ล้านบาท ตั้งเป้าให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV ประมาณ 300,000 คัน ใน 5 ปี ซึ่งรัฐนั้นจะไม่ได้มอบส่วนลดให้ประชาชนโดยตรงเหมือนรถยนต์คันแรก แต่เป็นการอุดหนุนผู้ประกอบการเพื่อใช้เป็นโปรโมชันส่วนลดให้กับประชาชนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

รูปแบบของมาตรการดังนี้
รถ EV ราคาต่ำกว่า 2 ล้าน
- รับการลดภาษีศุลกากร 40% และลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ วงเงินสูงสุดที่ 150,000 บาท ถ้าเป็นรถ EV แบตต่ำกว่า 30 วัตต์/ชม. จะได้รับเงินอุดหนุน 70,000 บาท, ถ้าแบตมากกว่า 30 วัตต์/ชม. จะได้รับเงินอุดหนุน 150,000 บาท
- ส่วนลดอีกต่อคือ คันละ 500,000 – 800,000 เมื่อเข้าร่วมโครงการ หากคิดง่าย ๆ รถ EV จากญี่ปุ่นหากนำเข้ามาราคาประมาณคันละ 2 ล้าน จากเงื่อนไขดังนี้
- ลดราคาจากอัตราอากรขาเข้าหรือลดภาษีศุลกากร จากเดิมต้องเสียภาษี 20% ลดลงเหลือ 0% เท่ากับราคาลดลง 350,000 บาท
- ลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% คิดเป็นส่วนลดอีก 120,000 บาท
- เงินอุดหนุนจากรัฐบาลอีก 150,000 บาท
สรุปถ้าซื้อรถในราคาต่ำกว่า 2 ล้านจะได้ส่วนลดถึง 570,000 บาทกันเลย

รถ EV ราคาสูงกว่า 2 ล้าน
จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ แต่จะได้รับการลดอัตราภาษีศุลกากร 40% และลดอัตราภาษีสรรพสามิตอีก 2% เพราะรถกลุ่มนี้มีราคาสูงถึง 5-6 ล้าน แต่ถ้าได้ส่วนลดดังกล่าว สามารถลดได้มากถึง 700,000 – 800,000 บาท ก็ถือว่าเยอะอยู่เหมือนกัน
ใครที่เล็งรุ่นไหนอยู่ก็รอกันอีกนิดนะครับ ถ้ามาตรการนี้ได้ถูกนำออกมาใช้ก็จะมีผลดีกับผู้ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน
“รถ EV” หมาถึง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ เรียกสั้นๆ ว่า EV (Electric Vehicle) นวัตกรรมที่ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว 100% ในการขับเคลื่อน และสามารถชาร์จไฟได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด โดยรถยนต์ไฟฟ้านี้จะมีองค์ประกอบหลักสำหรับการขับเคลื่อนคือ แบตเตอรี่ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า