ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มาแรงสุด ๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่นและวัยมหาวิทยาลัย เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกถึง TikTok ก่อนใคร เพราะนี่คือแหล่งปลดปล่อยความสร้างสรรค์ ทั้งเต้นแอโรบิกแก้เบื่อ ร้องเพลงลิปซิงก์ หรือกระทั่งอวดสูตรอาหารง่าย ๆ จัดเต็มทุกแนวความบันเทิงได้ภายในคลิปสั้นไม่กี่วินาที จนกลายเป็นไวรัลมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ความฮอตฮิตนั้นก็มาพร้อมกับดราม่าสารพัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการเมืองระดับโลก ซึ่งล่าสุด TechCrunch รายงานว่า Trump administration กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาให้ Oracle เข้าซื้อ TikTok แบบ Takeover เต็มรูปแบบอีกครั้ง
หลายคนคงจำได้ว่า TikTok นั้นเป็นของ ByteDance บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ซึ่งประเด็นนี้เคยสร้างความหวาดระแวงต่อความมั่นคงและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาอยู่พักใหญ่ ๆ ทำให้ Trump administration เคยออกคำสั่งขู่ “แบน” TikTok ในสหรัฐอเมริกา หากไม่มีการเปลี่ยนเจ้าของ หรืออย่างน้อยก็ขอให้บริษัทอเมริกันเข้ามาถือหุ้นใหญ่เพื่อควบคุมการดำเนินงานด้านข้อมูล ซึ่งในช่วงนั้น Microsoft ก็เคยแสดงความสนใจอยากซื้อ TikTok อยู่เหมือนกัน แถมยังมี Walmart โผล่มาร่วมวงด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วชื่อของ Oracle ก็ดูท่าจะมาแรงที่สุด จนเกิดการเจรจาต่อรองยืดเยื้อยาวนานตามหน้าข่าวไปพักหนึ่ง
พอเวลาผ่านไป เรื่องก็เงียบหาย จนกระทั่งมาถึงปี 2025 มีรายงานออกมาจาก TechCrunch อีกครั้งว่า Trump administration (ซึ่งหลายคนอาจแปลกใจว่า “ยังอยู่เหรอ?” เพราะประเด็นทางการเมืองภายใน USA มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก) กำลังเจรจาอยู่กับ Oracle ให้เข้ามา Takeover TikTok แบบเป็นทางการ ซึ่งก็หมายความว่าจะต้องโอนถ่ายทรัพย์สินและการควบคุมทั้งหมดของ TikTok ในสหรัฐฯ หรืออาจจะหลายภูมิภาคด้วย ไปอยู่ในมือของ Oracle แทน ByteDance
แน่นอนว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา คือเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้และการปกป้องข้อมูลเชิงลึกที่อาจเกี่ยวข้องกับหน่วยงานความมั่นคงในสหรัฐอเมริกา เนื่องจาก TikTok มีผู้ใช้งานในอเมริกาเยอะมาก และปัจจุบันคนอเมริกันก็เสพคอนเทนต์บน TikTok กันเป็นปกติ เทียบเท่าหรือบางกลุ่มอาจมากกว่าการใช้งานแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Facebook หรือ Instagram ไปแล้วก็มี ซึ่งหากรัฐมองว่า ByteDance มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน ก็อาจกลายเป็นปัญหาด้านความมั่นคงได้ไม่ยาก
ขณะเดียวกัน Oracle เองก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเทคโนโลยี แถมยังเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สายซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software) เป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ให้บริการ Cloud และโซลูชันด้าน IT แก่องค์กรและหน่วยงานรัฐมากมายทั่วโลก เพราะฉะนั้นการที่ Oracle จะก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok จึงถือเป็นการขยายขอบเขตธุรกิจไปอีกขั้น รวมถึงอาจเป็นการยกระดับการแย่งชิงอำนาจทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนไปพร้อมกันด้วย
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้อง Oracle ด้วยล่ะ? ก็ต้องเล่าย้อนกลับไปช่วงปี 2020 – 2021 ก่อน ที่มีข่าวว่า Trump administration อยากบีบให้ ByteDance ขาย TikTok ออกไป Oracle ก็เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สนใจอย่างจริงจัง เหตุผลเบื้องหลังนั้นมีหลายอย่าง ตั้งแต่ความสัมพันธ์เชิงธุรกิจระหว่างผู้บริหารระดับสูงของ Oracle กับคนใน Trump administration รวมไปถึงการที่ Oracle มีทรัพยากรมากพอจะเข้าซื้อและบริหาร TikTok ในสหรัฐฯ ได้โดยไม่เกิดช่องว่างทางกฎหมาย
ในแง่มุมของผู้ใช้งานทั่วไป หลายคนตั้งคำถามว่า “แล้วมันจะดีเหรอ?” ก็มีทั้งเสียงเห็นด้วยและเสียงคัดค้านปะปนกันไป เสียงที่เห็นด้วยก็บอกว่าการให้ Oracle ซื้อไป อาจทำให้ปัญหาความขัดแย้งด้านความปลอดภัยของข้อมูลและการเข้าถึงโดยรัฐบาลจีนลดน้อยลง หรืออย่างน้อยที่สุดรัฐบาลสหรัฐฯ ก็อาจวางใจได้ว่ามีบริษัทในอเมริกาเข้ามาคุมเกมอยู่ ส่วนเสียงคัดค้านก็มองว่า Oracle อาจขาดวิสัยทัศน์ด้านโซเชียลมีเดียหรือความสร้างสรรค์แบบที่ TikTok มีอยู่แล้ว และอาจทำให้ TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีกฎระเบียบมากขึ้น เสียความเป็นแพลตฟอร์มอินดี้ที่วัยรุ่นชื่นชอบไป
นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า ถึงแม้การซื้อ TikTok จะทำให้ Oracle ก้าวเข้าสู่ตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น แต่ก็อาจต้องเจอกับความท้าทายใหญ่ ๆ เช่น
- การรักษาฐานผู้ใช้ที่ปัจจุบันติดภาพ TikTok ว่าเป็นแพลตฟอร์ม “วัยรุ่นเต้น” กับวัฒนธรรมมุกตลกแบบไวรัล ถ้าหาก Oracle มาสร้างกติกาเข้มงวดขึ้น มันอาจทำให้ผู้ใช้อพยพออกไปสู่แพลตฟอร์มอื่นก็เป็นได้
- การพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ต่างจากซอฟต์แวร์ระดับองค์กรอย่างสิ้นเชิง จำเป็นต้องใช้ทีมงานคนละชุด และอาจต้องเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น
- การรักษาความน่าสนใจของ TikTok ในระยะยาว เพราะโซเชียลแพลตฟอร์มอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Instagram, Facebook หรือ Snapchat ก็เริ่มปรับตัวให้มีฟีเจอร์วิดีโอสั้น (Short Video) แข่งขันกันอยู่แล้ว
กระนั้นก็ตาม ในแง่ของการเมืองระดับโลก ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามา Takeover TikTok ของ Oracle (หากดีลนี้เกิดขึ้นจริง) จะเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Trump administration ยังคงมุ่งมั่น “ปลดอิทธิพลจีน” หรือป้องกันไม่ให้บริษัทจีนเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ แบบที่ฝ่ายความมั่นคงกังวลกันอยู่ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงในเวทีการเมืองโลกมาอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลของ TechCrunch ระบุว่า การเจรจากับ Oracle ในครั้งนี้มีการพูดถึงเงื่อนไขต่าง ๆ มากมาย ทั้งการแบ่งปันเทคโนโลยี การรับประกันด้านความปลอดภัย การจ่ายภาษี การรักษาพนักงานบางส่วนไว้ในสหรัฐฯ รวมถึงการแบ่ง % การถือครองหุ้น ระหว่าง ByteDance, Oracle และอาจมีนักลงทุนรายย่อยเข้ามาเกี่ยวด้วย แน่นอนว่ามันยังไม่จบลงโดยง่าย เพราะฝ่าย ByteDance เองก็คงอยากได้ราคาที่เหมาะสมและข้อตกลงที่ไม่ทำให้เสียประโยชน์มากเกินไป
นอกจากนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า หากการ Takeover ครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ หรือถูกตีกลับในภายหลัง รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลับมาขู่แบน TikTok อีกครั้งก็ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใช้งานในอเมริกาไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ หรืออาจถูกจำกัดการใช้งานบางฟีเจอร์ จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงที่รัฐบาลยอมรับ
ขณะนี้เรายังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ข้อสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร ใคร ๆ ก็อยากรู้ว่า Oracle จะสามารถปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจคอนซูเมอร์ในสเกลใหญ่ได้ดีแค่ไหน หรือ TikTok จะรักษาเอกลักษณ์ความเป็นแหล่งรวมไวรัลคลิปสนุก ๆ ได้มากน้อยเพียงใด ท่ามกลางเงื่อนไขการเมืองและแรงกดดันจากมหาอำนาจทั้งสองฝั่ง
สำหรับผู้ใช้งานธรรมดาอย่างเรา ๆ ก็ทำได้แค่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าดีลเกิดขึ้นจริง มันอาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ TikTok เลยทีเดียว ตั้งแต่แนวทางการดูแลคอนเทนต์ การเก็บข้อมูล ไปจนถึงกลยุทธ์โฆษณาที่อาจถูกปรับเปลี่ยนไปตามเจ้าของใหม่ และแน่นอนว่ามันจะกลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่สะท้อนการต่อสู้เชิงอิทธิพลระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอีกด้วย
สุดท้ายแล้ว เราเองก็ต้องรอดูว่า Trump administration กับ Oracle จะสามารถปิดดีล Takeover TikTok ได้ไหม และจะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้าง ในโลกที่การแข่งขันด้านเทคโนโลยีมันเดือดขึ้นทุกวัน บางทีการเข้าซื้อครั้งนี้อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของสงครามเทคโนโลยีระลอกใหม่ของสหรัฐฯ กับจีนก็ได้ ใครจะไปรู้? แล้วถ้าเพื่อน ๆ อยากอ่านบทวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติม ก็สามารถตามไปอ่านที่ TechCrunch ได้ หรือค้นหาข่าวอื่น ๆ ในอินเทอร์เน็ตเพื่อเสริมความเข้าใจ ก่อนจะกดเข้าไปส่องคลิป TikTok ว่าเพื่อนในฟีดของเราตอนนี้เต้นอะไรกันอยู่