สวัสดีชาวโซเชียลทุกคน วันนี้เรามีข่าวสำคัญจะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า ล่าสุดนาย มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก บอสใหญ่ของเมต้า มีดำริจะให้ฟีด Facebook แนะนำคอนเทนต์เหมือน TikTok และเชื่อว่า Metaverse จะเป็นธุรกิจที่น่าตื่นเต้นในปี 2030 ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- จากเมื่อไตรมาสที่แล้ว Meta (Facebook เดิม) ได้รายงานผลประกอบไตรมาส 4 ปี 2021 ซึ่งมีการเปิดเผยผลประกอบการของ Reality Labs หน่วยงานด้าน Metaverse ของบริษัทเป็นครั้งแรก โดยพบว่า แม้ว่าธุรกิจนี้จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี แต่ก็ยังขาดทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
- ล่าสุด Meta ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2022 ที่ผ่านมา (ม.ค. – มี.ค. 2022) พบว่าหน่วยงาน Reality Labs ยังคงสร้างรายได้เพิ่มขึ้น อยู่ที่ 23,900 ล้านบาท แต่ก็ยังคงขาดทุนจากการดำเนินการถึง 101,970 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 39,000 ล้านบาท
- สำหรับ Reality Labs เป็นหน่วยงานที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยี AR และ VR เพื่อเข้าสู่โลก Metaverse และด้วยความที่เป็นธุรกิจใหม่ บริษัทก็ได้ประเมินไว้อยู่แล้วว่า จะยังคงขาดทุนไปเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องใช้เงินทุนสร้างจำนวนมาก
- ทาง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่า กำไรจาก Metaverse จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะออกสู่ตลาด และได้รับความนิยมในวงกว้าง รวมถึงทำให้ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ต่ำลงได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เชื่อว่าธุรกิจ Metaverse จะสร้างรายได้และและกำไรจำนวนมหาศาลต่อบริษัท และกลายเป็นธุรกิจที่น่าตื่นเต้นอย่างมากในปี 2030
- โดยในช่วงปลายปีนี้ Meta วางแผนที่เปิดตัว Horizon แพลตฟอร์มโลกเสมือนในเวอร์ชันเว็บไซต์ ที่ทำให้ผู้คนเข้ามาอยู่ในโลกเสมือนได้อย่างทั่วถึง โดยไม่ต้องพึ่งแว่น VR
- นอกจากนี้ Meta จะเปิดตัวแว่น VR ใหม่ในระดับไฮเอนด์ ที่มีชื่อว่า Project Cambria ที่จะพรีเมียมกว่าแว่น VR ทั่ว ๆ ไป เช่น มีการออกแบบแว่นตาตามสรีรศาสตร์, มีเทคโนโลยีติดตามดวงตาและใบหน้า ช่วยให้ตัวละครอวตาร์ในโลกเสมือน สมจริงยิ่งขึ้น
- ในการแถลงผลประกอบการ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ยังได้ชี้ถึงสิ่งที่บริษัทจะโฟกัส 3 สิ่งในอนาคต ซึ่งนอกจาก Metaverse ที่กล่าวไปแล้ว อีก 2 สิ่งที่จะโฟกัสก็คือ Reels หรือวิดีโอสั้น และ Ads หรือโฆษณานั่นเอง
- สำหรับ Reels ทาง Meta มองว่า ผู้ใช้งานหันมาให้ความสนใจคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอสั้นมากขึ้นโดยปัจจุบัน ผู้ใช้งาน Instagram ใช้เวลาบน Reels ราว 20% ส่วนผู้ใช้งาน Facebook ใช้เวลาไปกับวิดีโอมากถึง 50%
- ส่วนจุดสำคัญที่ Meta จะปรับเปลี่ยนก็คือ ทั้งใน Reels รวมถึงหน้าฟีด Facebook จะมีการใช้ AI เข้ามาแนะนำคอนเทนต์มากขึ้น หมายความว่า จากปกติที่หน้าฟีดจะเป็นโพสต์อัปเดตของเพื่อน ๆ หรือเฉพาะบัญชีที่กดติดตาม
- แต่หลังจากนี้ จะมี AI ที่คอยนำเสนอคอนเทนต์จากแหล่งอื่น ๆ แม้ว่าผู้ใช้งานจะไม่ได้เป็นเพื่อน หรือไม่ได้กดติดตาม เหมือนกับที่ TikTok ทำนั่นเอง
- และอย่างสุดท้ายคือ โฆษณา ประเด็นที่สำคัญก็คือ ในตอนนี้ Reels ของ Instagram ที่ผู้ใช้งานเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ยังไม่สามารถสร้างรายได้ ได้เทียบเท่าการโพสต์บนหน้าฟีด หรือบน Stories
- แต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็คาดหวังว่า มันจะดีขึ้นในอนาคตเหมือนอย่างเมื่อปี 2018 ที่ฟีเชอร์ Stories ก็ไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ แต่ก็ได้รับการพัฒนาและดีขึ้นในปัจจุบัน
และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจล่าสุดจากบริษัทเมต้าที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นที่ชื่นชอบถูกใจชาวโซเชียลทุกคน ซึ่งดำริครั้งนี้ของนายมาร์คจะประสบความสำเร็จดั่งที่คาดหวังไว้หรือไม่ เราก็คงต้องติดตามกันต่อไป