ช่วงนี้ใครที่ติดตามราคาทองคงได้เห็นกันแล้วว่า ราคาทองคำพุ่งสูงทะลุเพดานอีกครั้ง ล่าสุดราคาสปอตอยู่ที่ประมาณ 3,224.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่เคยแตะไว้ช่วงต้นสัปดาห์นี้คือ 3,245.42 ดอลลาร์ ซึ่งบอกเลยว่าเป็นตัวเลขที่ทำเอานักลงทุนสายทองยิ้มไม่หุบ!
แต่ทำไมราคาทองถึงขึ้นแรงแบบนี้? คำตอบหลักๆ ก็มาจากความวุ่นวายทางการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ จีน ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะซา ล่าสุดประธานาธิบดี Donald Trump เล่นของแรง ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 145% เพื่อกดดันจีนในการเจรจาเรื่องการค้า แน่นอนว่าทางฝั่งจีนก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตอบโต้กลับด้วยภาษี 125% เช่นกัน เรียกได้ว่าสงครามการค้าระลอกใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าในบางหมวดหมู่สินค้า เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าเทคโนโลยีจะได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วน แต่ภาพรวมของตลาดก็ยังน่ากังวลอยู่ดี นักลงทุนจึงเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ และ “ทองคำ” ก็คือคำตอบแรกๆ ที่หลายคนเลือก เพราะถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เวลาที่โลกวุ่นวายหรือเศรษฐกิจผันผวน
อีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนราคาทองให้ทะยานไม่หยุดคือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง รวมถึงกระแสการซื้อทองของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะใน จีน ที่เข้ามากว้านซื้อทองจำนวนมากเพื่อสำรองเป็นเงินทุนสำรองระยะยาว ซึ่งการกระทำแบบนี้ถือเป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนมากว่า “ทองคำยังมีอนาคต”
นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องที่น่าจับตามองคือ ความต้องการลงทุนในกองทุนทองคำ (Gold ETFs) ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในเอเชีย นักลงทุนรายย่อยเริ่มทยอยเข้ามาเก็บทอง เพราะกลัวว่าอนาคตจะหาซื้อในราคาถูกไม่ได้อีกแล้ว
Goldman Sachs บริษัทวิเคราะห์การเงินระดับโลก ถึงกับปรับเป้าหมายราคาทองช่วงสิ้นปี 2025 เป็น 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เลยทีเดียว! โดยให้เหตุผลว่ามีแนวโน้มที่ธนาคารกลางหลายแห่งจะเพิ่มการถือครองทอง และยังมีความกังวลเรื่องภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก
พูดง่ายๆ คือ นักลงทุนทั่วโลกกำลังเตรียมรับมือกับ “โลกที่ไม่แน่นอน” และทองคำคือเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุด ณ เวลานี้
สำหรับคนไทยที่กำลังคิดจะลงทุนในทอง อาจต้องจับจังหวะดีๆ เพราะราคาในตลาดโลกสูงแบบนี้ แน่นอนว่าราคาทองในไทยก็พุ่งตามไปด้วยเช่นกัน แถมยังมีค่าเงินบาทที่อ่อนค่าตามมาอีก ใครจะซื้อตอนนี้ก็ต้องคิดให้รอบคอบ
แต่ถ้าคิดจะถือยาว เชื่อว่าทองคำยังเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่มีอะไรมั่นคงไปกว่าทองอีกแล้ว
สรุปง่ายๆ ตอนนี้ราคาทองแรงเพราะ:
✔️ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน
✔️ ค่าเงินดอลลาร์อ่อน
✔️ ธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะจีน เข้าซื้อทองต่อเนื่อง
✔️ นักลงทุนมองทองเป็นที่พักเงินในช่วงผันผวน
✔️ ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มภาวะถดถอย
ใครที่มีทองเก็บไว้ตอนนี้ก็ขอแสดงความยินดีด้วย ส่วนใครที่กำลังมองหาจังหวะเข้า ก็ขอให้ศึกษาข้อมูลให้ดี แล้วค่อยตัดสินใจ เพราะทองคำไม่ใช่แค่เครื่องประดับ แต่เป็นเครื่องมือในการรักษาเงินของเราในระยะยาวอย่างแท้จริง