สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน ท่ามกลางข่าวร้ายๆ ในวิกฤตการณ์ไวรัส เรามีข่าวดีเล็กๆ จะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า สบู่ คือไอเท็มสำหรับล้างมือที่ดีที่สุด หากหาแอลกอฮอล์ไม่ได้ก็ไม่ต้องไปง้อมัน
CDC ยังบอกว่า “แต่ถ้าไม่มีสบู่และน้ำ การใช้เจลทำความสะอาดมือที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60% ก็สามารถช่วยได้”
แต่แอลกอฮอล์หายากมากในตอนนี้ เหลือแต่สบู่ที่ยังหาได้ง่ายและมีราคาถูกกว่ามาก
Palli Thordarson ศาสตราจารย์ด้านเคมีของ University of New South Wales เป็นคนแรกๆ ที่ทำให้คนทั่วไปตระหนักว่าสบู่นั้นดีกว่า ง่ายกว่า และทำลายไวรัสจนสิ้นซากไม่ใช่แค่ทำให้มันหลุดออกไปจากร่างกายเรา เขาได้โพสต์เรื่องนี้ใน Twitter เกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของสบู่
1. เหตุใดสบู่จึงทำงานได้ดีกับ SARS-CoV-2, โคโรนาไวรัสอื่นๆ และไวรัสส่วนใหญ่? นั่นก็เพราะมันเป็นอนุภาคนาโนที่ประกอบตัวเองขึ้นมา ซึ่งจุดอ่อนที่สุดคือ bilayer (ไขมัน) ซึ่งสบู่ ไวรัส และเคมีซูปราโมเลกุล มีองค์ประกอบเหมือนกันตรงนี้
2. สบู่ละลายเยื่อหุ้มเซลล์ไขมันและไวรัสให้แตกสลายเหมือนโดมิโน และทำให้มัน “ตาย” หรือเราควรจะพูดว่ามันไม่ทำงานเนื่องจากไวรัสไม่ได้มีชีวิตอยู่จริง ไวรัสสามารถทำงานนอกร่างกายเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน
3. ยาฆ่าเชื้อหรือผ้าเช็ดทำความสะอาด เจล และครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (และสบู่) ให้ผลคล้ายกัน แต่ไม่ค่อยดีเท่าสบู่ธรรมดา นอกเหนือจากแอลกอฮอล์และสบู่แล้ว “สารต้านแบคทีเรีย” ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของไวรัสมากนัก
4. ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดจึงเป็นแค่สบู่ที่มีราคาแพงนั่นเองเพราะจัดการกับไวรัสเหมือนสบู่ทั่วไป สบู่จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่แอลกอฮอล์ก็เช็ดทำความสะอาดได้ดี ในเมื่อสบู่ไม่สามารถใช้งานได้จริงหรือใช้โยชน์ได้ยาก (เช่น ตามรีเซปชั่นของสำนักงาน)
5. แต่ทำไมสบู่ถึงดีสุดๆ แบบนี้? เพื่ออธิบาย ผมจะพาคุณผ่านการเดินทางผ่านเคมีโมเลกุลนาโนและไวรัสวิทยา ผมพยายามอธิบายเรื่องนี้ด้วยคำศัพท์ทั่วไปให้มากที่สุดซึ่งหมายถึงการทิ้งคำศัพท์เฉพาะทางเคมี
6. (การล้างไวรัสออกด้วยน้ำไม่ได้ผล) เพราะน้ำต้องยื้อกับไวรัสที่เกาะติดเหมือนกาวระหว่างผิวหนังและไวรัสผ่านพันธะไฮโดรเจน ไวรัสพวกนี้ค่อนข้างเหนียวและไม่ขยับเขยื่อน น้ำจึงไม่เพียงพอ
7. น้ำสบู่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สบู่มีสารคล้ายไขมันที่รู้จักกันในนามแอมฟิฟิล บางชนิดมีโครงสร้างคล้ายกับไขมันในเยื่อหุ้มไวรัส โมเลกุลสบู่จึงดึงไขมันในเยื่อหุ้มไวรัสออก
8. โมเลกุลสบู่ยังดึงพันธะโควาเลนต์อื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยให้โปรตีน RNA และไขมันติดกัน สบู่นั้นสามารถละลายกาวที่จับไวรัสไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. นอกจากนี้ สบู่ยังมีปฏิกิริยาต่อกันระหว่างไวรัสกับผิว ในไม่ช้าไวรัสก็จะถูกแยกออกและพังทลายเหมือนโดมิโน เพราะการร่วมแรงระหว่างสบู่และน้ำ ในที่สุดไวรัสหายก็ไปแล้ว!
10. (แต่) ผิวมนุษย์ค่อนข้างหยาบและเหี่ยวย่น ซึ่งเป็นสาเหตุที่คุณต้องใช้เวลานานในการถูและแช่เพื่อให้แน่ใจว่าสบู่ถึงข้อพับและจุดป้องกันบนพื้นผิวที่อาจซ่อนไวรัสที่ยังเตรีนมเล่นงานเราอยู่
และนี้ก็คือสาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองที่เราอยากจะนำมาฝากเพื่อนๆ ในช่วงนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน เมื่อได้ทราบกันแล้วก็อย่าลืมล้างมือด้วยสบู่กันบ่อยๆ นะครับ