ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้รับศึกหนักแบบไม่พักหายใจ หุ้นหลายประเทศพากันร่วงยับ โดยเฉพาะจีนกับญี่ปุ่นที่โดนเต็ม ๆ หลังสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้งเพราะ Donald Trump เดินหน้ากดดันจีนต่อเนื่องไม่หยุด
นักลงทุนแห่เทขายหุ้นในหลายประเทศเอเชียตั้งแต่เปิดตลาด โดยดัชนี Shanghai Composite ของจีนปรับตัวลดลงอย่างแรง เช่นเดียวกับ Nikkei 225 ของญี่ปุ่นที่ร่วงกว่า 2% สวนทางกับความหวังว่าสถานการณ์จะผ่อนคลายลง
สาเหตุหลักมาจากการที่รัฐบาล Trump เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่อีกหลายพันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่มีห่วงโซ่การผลิตพึ่งพาการส่งออก
ไม่ใช่แค่จีนกับญี่ปุ่นที่โดนหางเลข ตลาดหุ้นในฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์ ก็โดนเทขายด้วยเช่นกัน
ด้านค่าเงินหยวนของจีนก็อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน ขณะที่เยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นเพราะนักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยช่วงตลาดผันผวน
วิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองว่า ความตึงเครียดระหว่างสองชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่คู่นี้ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องภาษี แต่ลุกลามไปถึงเทคโนโลยี ความมั่นคง และการแย่งชิงอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ บรรดาบริษัทใหญ่ในเอเชียที่เคยพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก็ต้องเริ่มหาตลาดใหม่หรือปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรายย่อยก็ต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ทั้งหมด เพราะความไม่แน่นอนในระยะสั้นยังคงสูง
การเทขายหุ้นรอบนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า สงครามการค้าไม่ได้กระทบแค่คู่กรณีอย่างสหรัฐฯ กับจีนเท่านั้น แต่ลามไปถึงทั้งระบบของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
แม้บางฝ่ายจะมองว่านี่เป็นเพียงช่วงเวลาผันผวนชั่วคราว แต่ถ้าการเจรจาระหว่างสองประเทศไม่คืบหน้า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็มีสูงขึ้นอย่างน่ากังวล
ท้ายที่สุด นักวิเคราะห์หลายสำนักยังคงจับตาว่า Trump จะเดินหน้ากดดันจีนไปถึงขั้นไหน และจีนจะตอบโต้กลับอย่างไร เพราะทุกการเคลื่อนไหวของสองประเทศนี้จะสะเทือนถึงนักลงทุนทั่วโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้