หากจะพูดถึงชาติที่เป็นมหาอำนาจเบอร์ต้นๆ ของโลกในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ หนึ่งในนั้นก็คงต้องมีชื่อของประเทศเยอรมันที่เป็นเจ้าของแบรนด์รถหรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เบนซ์ บีเอ็มดับบลิว ออดี้ ฯลฯ แต่ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด สิ่งที่น่าตกใจที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ก็คืออุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในเยอรมนีอาการน่าเป็นห่วง ยอดขายลด ต้นทุนเพิ่ม แถมสู้คู่แข่งจากจีนไม่ได้ แล้วผลมันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ใครอยากรู้ต้องตามมาหาคำตอบกัน
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- อุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับเยอรมนีอย่างการผลิตรถยนต์ ล่าสุดทุกอย่างอาจไม่แน่นอนแล้ว เมื่อยอดขายรถยนต์ลดลง ขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่กำลังบุกตลาดโลกตอนนี้
-
DW สื่อในประเทศเยอรมนี ได้ออกรายงานถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นอาการน่าเป็นห่วงไม่น้อย เนื่องจากยอดขายรถยนต์นั้นลดลง ยังไม่กลับมาฟื้นตัวเท่าเดิม
-
โดยรายงานดังกล่าวได้ชี้ถึงยอดขายรถยนต์ประเภทสันดาปที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จากความไม่แน่นอนต่างๆ นอกจากนี้ยังรวมถึงกระแสรักษ์โลกจากปัญหาสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
-
ขณะเดียวกันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเยอรมนีเองก็ประสบปัญหาเนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้ในรถยนต์เหล่านี้ได้สร้างต้นทุนเพิ่มให้กับผู้ผลิตรถยนต์ นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศกลับมียอดขายไม่เติบโตมากนัก
-
Hildegard Müller ประธานสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเยอรมนีได้กล่าวว่า ยอดสั่งซื้อรถยนต์ในประเทศลดลง โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้านั้นความต้องการลดลงเหลือเพียงประมาณ 60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะเดียวกันรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปกลับมียอดขายต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 ถึง 20%
-
ปัญหาต่อมาของผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมนีคือเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหา Supply Chain หยุดชะงัก ปัญหาด้านพลังงานจากการบุกยูเครนโดยรัสเซีย ปัญหาการขาดแคลนชิป นอกจากนี้ต้นทุนการเงินจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูง ได้สร้างปัญหาใหม่ทำให้บริษัทต้องลดค่าใช้จ่ายลง
-
นอกจากนี้ผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมนีเองก็ต้องรับมือกับคู่แข่งรายสำคัญคือผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ซึ่งกำลังตีตลาดทั่วโลก ทั้งในเอเชีย หรือแม้แต่ทวีปยุโรปเอง
-
ซึ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนถือว่ามีการแข่งขันที่สูงแห่งหนึ่งในโลก นอกจากนี้ยังมีการนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติมในตัวรถยนต์ของผู้ผลิตแต่ละราย ผลกระทบดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนีที่บุกตลาดจีนอย่าง Volkswagen มียอดขายสู้แบรนด์จีนอย่าง BYD ไม่ได้ด้วยซ้ำ
-
จากเดิมที่รถยนต์ยุโรปแสดงให้เห็นถึงความหรูหราของชาวจีนที่ซื้อรถยนต์ขับ แต่เรื่องดังกล่าวนี้กำลังจะกลายเป็นอดีตแล้ว
-
Berylls บริษัทที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้กล่าวในรายงานล่าสุดของบริษัทว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนกำลังเกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ เมื่อลูกค้าเลือกรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่หรูหรากว่าแบรนด์ของยุโรปที่ครองตลาดมาเป็นเวลายาวนาน เนื่องจากทนไม่ได้กับเทคโนโลยีของผู้ผลิตจากทวีปยุโรป
-
ปัจจัยดังกล่าวนี้ยังส่งผลกลับไปยังที่เยอรมนีเองด้วย เมื่อผู้ผลิตรถยนต์จากจีนกำลังจะกลับไปตีตลาดยุโรปแทน
-
ในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนหลายแห่งได้นำรถเข้าตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์กับหน่วยงานประเมิน European New Car Assessment Programme (Euro NCAP) ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนหลายแบรนด์นั้นได้การประเมินถึง 5 ดาว
-
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนหลายรายนั้นได้โฟกัสตลาดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของ Great Wall Motors ที่ส่งรุ่น ORA Funky Cat ที่มีราคาถูกกว่าผู้ผลิตในเยอรมนีอย่าง Volkswagen ID.3 ในราคาหลายพันยูโรด้วยซ้ำ
-
ปัจจัยดังกล่าวเมื่อนำมารวมกันแล้วจะเห็นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีนั้นอาการน่าเป็นห่วงไม่น้อย โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 10 แบรนด์ที่ขายดีในประเทศจีนนั้นไม่มีผู้ผลิตจากแดนอินทรีเหล็กอีกต่อไป
-
ไม่เพียงเท่านี้ ความพยายามที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ายังประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ให้ทันคู่แข่ง หรือแม้แต่เรื่องของ Supply Chain ที่แม้ว่าสถานการณ์จะดูดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้หลายบริษัทต้องประสบปัญหาการผลิตชะงักงัน ส่งผลกระทบกับแบรนด์ของชาวเยอรมันไม่น้อย
และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงยานยนต์ที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคน ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมันจะมีวิธีการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร เราก็คงต้องรอติดตามกันในตอนต่อไป