ประเทศนอร์เวย์ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรปที่มีภูมิประเทศที่งดงาม ประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และล่าสุดนอร์เวย์ได้กลายเป็นประเทศผู้นำในด้านของสัดส่วนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของโลกแล้ว ซึ่งเขาทำได้อย่างไร ใครอยากรู้ต้องตามมาหาคำตอบในบทความนี้กันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้เป็นดังนี้
- โดยข้อมูลจากสหพันธ์ถนนแห่งนอร์เวย์ (OFV) ในปี 2023 พบว่ารถยนต์ที่ซื้อใหม่ 9 ใน 10 คัน ของประเทศนอร์เวย์จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริดมีสัดส่วนการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีสัดส่วนประมาณ 20% ของรถยนต์ในประเทศนอร์เวย์ทั้งหมด
-
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งใหม่ในประเทศนอร์เวย์ หากย้อนไปในยุค 90 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศและถูกใช้งานมาระยะหนึ่งแล้วโดยแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าธิง (Think) เป็นผู้บุกเบิกตลาดก่อนจะมีแบรนด์รถยนต์ค่ายใหญ่ ๆ จากต่างประเทศ เช่น ฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) เข้ามาทำการตลาด ภายใต้การสนับสนุนอย่างจริงจังจากรัฐบาล
-
หัวใจสำคัญที่ทำให้ประเทศนอร์เวย์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของยุโรปและในระดับโลกอยู่ที่การสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น สิทธิพิเศษขึ้นทางด่วนฟรี ที่จอดรถยนต์ฟรีและบริการเรือข้ามฟากฟรีภายในประเทศ การยกเว้นภาษีสำหรับรถใหม่ที่เป็นพลังงานไฟฟ้า (EV) แต่เก็บภาษีเพิ่มสำหรับรถยนต์สันดาป และกฎหมายอื่นๆ ที่เอื้อต่อการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
-
รวมไปถึงนโยบายที่ชัดเจนในการหยุดจำหน่ายรถยนต์พลังงานน้ำมันเบนซินภายใน 2 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อนที่มีสาเหตุสำคัญจากมลพิษที่ปล่อยจากรถยนต์
-
การสนับสนุนจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เช่น สมาคมรถยนต์พลังงานไฟฟ้านอร์เวย์ (Norwegian EV Association) ที่สนับสนุนให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยมีสมาชิกมากกว่า 120,000 คน
-
ความร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้ประเทศนอร์เวย์มีเครือข่ายชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง โดยมีจำนวนเครื่องชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 1 เครื่อง ต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 คัน เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วประเทศและมีจำนวนมากเป็นอันดับ 3 ของยุโรป เป็นรองประเทศเยอรมนีและอังกฤษ ทั้งที่ประเทศนอร์เวย์มีประชากรน้อยกว่าทั้ง 2 ประเทศ ประมาณ 10 เท่า
-
เมื่อโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อมสิ่งที่ตามมา คือ ระบบการชำระเงินค่าบริการที่รวดเร็วและสะดวกสบาย รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบ
และนี่ก็คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจในวงการยานยนต์ไฟฟ้าที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคน และหากมีเรื่องราวดีๆ ในวงการยานยนต์ไฟฟ้าเช่นนี้อีกเราจะรีบมาอัพเดทให้ทุกท่านได้ทราบก่อนใครโดยทันที