แกร์เร็ตต์ โมชัน อิงค์ (Garrett Motion Inc.) (Nasdaq: GTX) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่แตกต่างสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เน้นการพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่มีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ในบทความนี้เราจะมาเสนอข่าวสารเกี่ยวกับการร่วมมือกันระหว่างแกร์เร็ตต์ โมชัน อิงค์และบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป (BMW Group) ในการพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่มาพร้อมกับคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCC) ขั้นสูงที่ถูกพัฒนาโดยทีมวิจัยและพัฒนาของแกร์เร็ตต์ หน้าที่ของคอมเพรสเซอร์เชิงไฟฟ้าคือการควบคุมและปรับความเร็วของเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเพื่อให้รถยนต์สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้
เมื่อไม่นานมานี้ บีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป ประกาศว่าพวกเขากำลังทดลองใช้ระบบขับเคลื่อนรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนรุ่นที่สองในรถยนต์ซีรีส์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอเอ็กซ์5 ไฮโดรเจน (BMW iX5 Hydrogen) ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงแบบแยกส่วน ระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนนี้สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมลพิษน้อย ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับอนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมยานยนต์
“ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป เพื่อพัฒนาคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนขั้นสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาอย่างตรงจุด ซึ่งความพยายามนี้จะถึงจุดสูงสุดในการทดลองใช้งานบนถนนเชิงลึกในปลายปีนี้” คุณเครก บาลิส (Craig Balis) รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของแกร์เร็ตต์ กล่าว “เราภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ไอเอ็กซ์5 ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์” คุณบาลิสกล่าว และเสริมว่า “นี่คือผลจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และยึดมั่นในความตั้งใจของเราที่จะเป็นผู้นำระบบขับเคลื่อนพลังงานไฮโดรเจนชั้นแนวหน้า”
แอร์คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าของแกร์เร็ตต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง คือเทคโนโลยีสำคัญในระบบเซลล์เชื้อเพลิงของรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอเอ็กซ์5 ไฮโดรเจน โดยเซลล์เชื้อเพลิงจะผลิตกระแสไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าผ่านกระบวนการไฟฟ้าเคมีระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจนในอากาศที่จ่ายให้กับเซลล์เชื้อเพลิงสะสม และเพื่อให้เกิดการดำเนินกระบวนการปฏิกิริยาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพและผลิตพลังงานให้ได้มากที่สุดแล้ว เซลล์เชื้อเพลิงสะสมจะถูกป้อนด้วยการไหลของอากาศและแรงดันที่เหมาะสมตามความจำเป็น ตรงนี้เองที่แอร์คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงของแกร์เร็ตต์จะส่งการไหลเวียนของอากาศที่จำเป็นเข้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความหนาแน่นและผลผลิตพลังงานของระบบเซลล์เชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังช่วยดึงประสิทธิภาพและความคงทนของเซลล์เชื้อเพลิงสะสมได้ในระดับสูงสุดตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์ด้วยขนาดที่กะทัดรัดอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเครื่องขยายกังหันใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อกู้คืนพลังงานที่เสียไปจากช่องปล่อยของเซลล์เชื้อเพลิงสะสม ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 20% สำหรับการอัดอากาศ เมื่อเทียบกับคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงทั่วไป เพื่อรองรับการใช้งานลักษณะนี้โดยเฉพาะ
คุณบาลิส กล่าวว่า “แกร์เร็ตต์คือผู้บุกเบิกเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงไฟฟ้าไฮโดรเจน ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและประสบการณ์บนท้องถนนเป็นเวลาหลายปี นวัตกรรมรุ่นใหม่ถูกพัฒนาขึ้นจากมรดกการออกแบบและวิศวกรรมที่ทลายขีดจำกัดเดิม ซึ่งรวมถึง มอเตอร์ไฟฟ้าความเร็วสูง อิเล็กทรอนิกส์กำลัง และการควบคุมขั้นสูง”
ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา รถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอเอ็กซ์5 ไฮโดรเจน และองค์ประกอบสำคัญของตัวรถ ทั้งคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงและอินเวอร์เตอร์ ได้รับการทดสอบในอุณหภูมิ ความชื้น และระดับการสั่นสะเทือนที่โหดหิน ความพยายามเหล่านี้ได้สะท้อนความทุ่มเทของบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป ในการส่งมอบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านระบบขับเคลื่อนที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนที่พึ่งพาได้ในทุกสภาพอากาศ
คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงสมรรถนะสูงแบบแยกส่วนของแกร์เร็ตต์ อาศัยความเชี่ยวชาญด้านอากาศพลศาสตร์แบบเทอร์โบ (turbo aerodynamics) ของบริษัท และทำงานเหนือความเร็วมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกินกว่า 150,000 รอบต่อนาที
คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงของแกร์เร็ตต์ ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนของทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์ ตลอดจนรถที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม ซึ่งคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 400 โวลต์ และ 800 โวลต์ของบริษัทมีตลับลูกปืนฟอยล์ไร้น้ำมันขั้นสูงที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว ซึ่งให้ประสิทธิภาพการทำงานและคุณสมบัติด้านเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยม เพราะไม่มีสิ่งปนเปื้อน
แกร์เร็ตต์ โมชัน คือผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมด้านคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยรุ่นแรกได้พัฒนาขึ้นภายในบริษัทและเปิดตัวในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปี 2559
เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ( FCEV)
รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนมีการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียเป็นศูนย์ และใช้ประโยชน์จากระบบส่งกำลังที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มที่ โดยกักเก็บพลังงานในรูปของไฮโดรเจนไว้ในถังแรงดันสูง แทนที่จะเป็นแบตเตอรี่ เซลล์เชื้อเพลิงสะสมไฮโดรเจนสร้างพลังงานไฟฟ้าผ่านกระบวนการไฟฟ้าเคมีระหว่างไฮโดรเจนและออกซิเจน ซึ่งจะช่วยมอบพลังงานที่จำเป็นสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ปฏิกิริยาดังกล่าวจะสร้างโดยมี “ไอเสีย” เพียงนิดเดียวคือความร้อนและน้ำสะอาดในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนยังไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ที่หนักและใช้แร่ธาตุจำนวนมากซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ และใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงพอ ๆ กับระบบส่งกำลังดีเซลหรือเบนซินเพียงหลักนาที ไม่ใช่นานเป็นหลักชั่วโมงเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) ลักษณะเหล่านี้ของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักมากกว่า เช่น เอสยูวี (SUV) รถบรรทุกขนาดเล็ก รถเพื่อการพาณิชย์ และการใช้งานแบบออฟโรด
การเปลี่ยนแปลงนโยบายทั่วโลก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง และกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้น มีส่วนผลักดันให้ความสนใจที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้าพลังไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสภาไฮโดรเจน (Hydrogen Council) ระบุว่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีมีการลงทุนในโครงการไฮโดรเจนใหม่มากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์แล้ว