เทคโนโลยีจอแสดงผลของสมาร์ทโฟนที่วันนี้แต่ละค่ายต่างก็หยิบยกออกมาคุยฟุ้ง ว่า ของตนนั้นดีสุดจนรู้สึกว่ามันก็ดีเหมือนๆ กันหมด แล้วอย่างนี้จะมีข้อแตกต่างอะไรบ้างที่เธอควรจะรับทราบ และมันมีเทคโนโลยีอะไรให้เลือกบ้าง? เพื่อว่าเธอจะได้วางแผนและตัดสินใจซื้อ หลักใหญ่ใจความของเทคโนโลยีจอแสดงผลบนสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ก็จะชูคุณสมบัติ 3 ข้อสำคัญๆ ก็คือ ความสว่าง คอนทราส และประหยัดพลังงาน ซึ่งหากพิจารณาเทคโนโลยีล่าสุดที่กำลังมาแรง เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดดังนี้ AMOLED: เทคโนโลยีจอแสดงผลชนิดนี้สามารถพบได้ในสมาร์ทโฟนอ ย่าง HTC Desire ซึ่งจุดเด่นคือ คอนทราส (contrast) สูง โดยในการแสดงผลจอภาพจะให้สีดำที่มึดสนิท โดยจะไม่สังเกตเห็นแสงสว่างขาวๆ ฟุ้งๆ ทั่วทั้งหน้าจอเหมือนจอแสดงผล LCD ทั่วไป ในขณะดียวกันก็สามารถให้สีสันทีมีความอิ่ม (saturated colors) และเป็นธรรมชาติมากกว่า อย่างไรก็ดี เนื่องจากจอแสดงผลชนิดนี้จะให้แบคกราวด์เป็นสีดำอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาใช้แบคกราวด์สีดำจะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากทีเดียว แต่ในทางกลับกันการแสดงผลบนจอด้วยสีขาวก็จะใช้พลังงานมากกว่า Super LCD: สำหรับเทคโนโลยีนี้สามารถพบเห็นได้จากสมาร์ท โฟน HTC HD7 ซึ่งความจริงมันก็คือจอ LCD ที่มีความสว่างสดใส และชัดเจน โดยวัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นจอที่สามารถอ่านข้อความต่างๆ ได้ง่ายมาก ในขณะที่จอ Super LCD สามารถให้ความสว่าง และชัดเจนกว่าจอ LCD ทั่วไป เทคโนโลยีจอ Super LCD จะใช้พลังงานไม่ได้แตกต่างจากจอ AMOLED มากนัก แต่ก็อาจจะให้สีสันที่สวยสดสู้ไม่ได้เท่านั้น Retina Display: เทคโนโลยีนี้สามารถพบได้บน iPhone 4 เท่านั้น โดยเป็นเทคโนโลยีจอแสดงผลที่มีความชัดเจนมากที่สุด เนื่องจากมีการเพิ่มความหนาแน่นของจุดพิกเซลจนสามารถแสดงภาพที่มีความ ละเอียดได้เกือบเท่ากับบนกระดาษ ซึ่งทำให้การแสดงตัวอักษร มีความคมชัดอ่านง่าย แม้แต่ตัวหนังสือที่มีขนาดเล็กมากก็ตาม นอกจาก เรื่องของเทคโนโลยีจอแสดงผลที่ชูจุดเด่นในด้านต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ข้างล่างนีเป็นตารางสรุปความละเอียด (PPI: จำนวนพิกเซลต่อนิ้ว ยิ่งมากยิ่งคมชัด) ของหน้าจอสมาร์ทโฟนรุ่นที่กำลังฮอตฮิตในตลาด เผื่อว่า คุณผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอแสดงผล เหมาะกับคุณได้ครับ