ผมเริ่มง่ายๆจากน้องที่ทำงานคนหนึ่งอยู่ปราจีน ถามมันว่าเฮ้ย.. ปราจีนมีอะไรให้เที่ยวบ้าง? มันตอบมาว่า ผมไปที่หนึ่งบ่อยครับพี่… โรงพยาบาล! ตากับยายผมป่วยบ่อย เอ๊า! ดูมัน ฮ่าาๆๆ
จริงๆผมอยากทำแบบ No Plan is my Plan แต่ก็ยังกังวลอยู่ดีว่าในทุกวันที่จะมีที่พักไหม และผมจะเดินทางยังไงและการไปปราจีนบุรีก็ดูเหมือนว่าสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละที่มันห่างไกลกันอยู่พอสมควร ผมเลยตัดสินใจเลือกที่จะเช่ารถเพื่อออกเดินทาง
รีวิวเที่ยวปราจีนบุรี 3 วัน 2 คืน
ผมเริ่มจากไปรับรถที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเทียบราคาและความสะดวกในการเข้าไปรับรถ ผมนัดรับรถไว้ช่วง 11 โมง
หลังจากผมรับรถแล้วก็เวลาก็เดินทางมาถึงเที่ยววันพอดี ต้องหาอะไรกินแล้วเหละหิวจัด.. หลังจากขับรถมาได้สักพักก็แวะเข้าปั๊มน้ำมันเพื่อเปิดหาร้านอร่อยๆ แต่ไปๆมาๆก็จบที่ร้านข้าวขาหมูในปั๊มนั้นละ จะบอกว่าเนี้ยขาหมูในรอบหลายครึ่งปีเลย ไม่กินข้าวขาหมูมานานมากละ
ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าที่พัก โดยผมเลือก เบอร์กันดี เรสซิเดนซ์ 304 (Burgundy Residence 304) เป็นที่พักคืนแรกของผม ถึงที่พักหลังจาก Check-in ก็สอบถามพนักงานเกี่ยวกับการถ่ายรีวิวที่พักสำหรับการถ่ายรีวิวต่างๆ พนักงานน่ารักให้คำแนะนำดีทุกอย่าง แถมยังบอกว่าถ้าอาสาเดินชมที่พักอีกด้วย ผมก็ไม่พูดพล่ำทำเพลงเอาของไปเก็บในห้องแล้วก็เริ่มลงมือถ่ายรีวิว อ๋อ พนักงานฝากบอกว่าอยากให้พูดว่าที่นี่มีพนักงานพูดภาษาญี่ปุ่นได้นะ เนี้ยผมพูดให้แล้วแนะ แต่เอ้..คนญี่ปุ่นจะมีโอกาสฟังและเข้าใจไหม? 555+ สำหรับบรรยากาศที่นี่ต้องบอกว่าญี่ปุ่นเน้นๆ ใครอยากแช่ออนเซ็นก็มี หรือสระว่ายน้ำก็ได้ ฟิตเนสก็ใช่ บอกได้เลยว่าครบจบที่เดียวจ่ายไม่แพงด้วย
หลังจากรีวิวที่พักไปอยู่พักใหญ่ๆ ผมก็ลองหาสถานที่ท่องเที่ยวจากเวลาที่ยังพอมีเหลือ และลองค้น Google ง่ายๆว่า ที่ชมพระอาทิตย์ตกปราจีนบุรี ผมก็เลยได้พบ อ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง ซึ่งเป็นที่หนึ่งที่มีวิวดีงานดีสวยครบยังกะหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ไม่วุ่นวายดิบๆแบบนี้เหละผมชอบ ผมเดินถ่ายรูปและวิดีโออยู่พักใหญ่ มีแก๊งค์ 4 สาวขับรถเข้ามาพร้อมอุปกรณ์ทำอาหาร เขามานั่งชมวิวและปิกนิคกัน ทำส้มตำกินกันและเครื่องดื่มพร้อม ขอบคุณที่ชวนผมนำครับคนต่างถิ่นแบบผมก็ไม่กล้าที่จะร่วมวงด้วย แม้ว่าคอจะแห้งก็ตาม แก้วเดียวไม่มีอยู่จริง..
พระอาทิตย์ค่อยๆเลือนหายไปผมขับรถกลับที่พักพร้อมกับท้องว่างพร้อมปะทะ มุ่งตรงไปยังร้านอาหารในโรงแรมนี้แระ สั่งเมนูโปรดของผม พร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆให้พอได้ชื่นใจพรุ่งนี้ว่ากันใหม่ยังไม่ได้วางแผนใดๆ
เช้ามาตั้งใจตื่นมาแช่ออนเซ็นแต่เห็นป้ายบอกเปิด 10 โมง ผมเลยแก้เขิลเดินลงสระว่ายน้ำข้างๆแทนละกัน
กลับเข้าห้องเตรียมตัวไปลุยวันนี้ เก็บที่ท่องเที่ยวให้มากที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ เริ่มจากมองหาว่าไปไหนได้บ้าง List ออกมาได้ 6 ที่คือ (ซึ่งไปไม่ครบตามที่ List ไว้ครับ)
- โบราณสถานเมืองศรีมหาโหสถ/
- น้ำตกเหวอีอ่ำ
- วัดแจ้ง
- จุดชมวิวผาหินซ้อน/
- พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ
- พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร/
Check-Out แล้ว..
เริ่มจากดิ่งตรงไปที่่แรก โบราณสถานเมืองศรีมหาโหสถ ก่อนเพราะใกล้จากที่พักมากที่สุด ที่นี่ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ สมัยทวารวดีช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 หรือมากกว่า 700 ปีมาแล้ว และจุดไฮไลคงเป็น บ่อน้ำโบราณก่อด้วยศิลาแลง เชื่อกันว่ามีน้ำศักดิ์สิทธิ์
ขับรถมาต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร น่าเสียดายที่ตัวพิพิธภัณฑ์มีการปิดปรับปรุงอยู่ ผมเลยได้แค่บรรยากาศโดยรอบ และเอาจริงๆคือที่นี่เป็นโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผมเองก็ไม่ได้เดินชมอะไรนานมากนัก เพราะเกรงจะรบกวนผู้คนที่เข้ามารักษาพยาบาลกันครับ
และลุยกันไปที่ จุดชมวิวผาหินซ้อน อ๋อ..ระหว่างเดินทางผมก็ให้ Google Map นำทางผมตลอด ต้องบอกเลยว่าเจ้า Google Map เนี้ยนำทางผมได้ทางพิเศษๆตลอดจริงๆ ถ้าให้กลับไปขับเส้นทางเดิมโดยไม่มี Google Map ผมก็คงขับกลับบ้านไม่ถูกกันแน่นอน 555+ ถึงจุดชมวิวผมสักเกตเห็นมวลเมฆกำลังก่อตัว มืดครึ้มมาแต่ไกล ตั้งใจจะใช้เวลาที่นี่นานหน่อยแต่กลับได้วิวสวยๆมาไม่เยอะ ต้องวิ่งหนีฝนขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
และประกอบเวลาเที่ยงแล้วพอดีผมคงต้องหาอะไรทานและรอดูทีท่าฝนก่อนว่าจะยังไง ผมแวะนั่งกินข้าวเที่ยงที่ร้านปลายเขื่อน (Plai Khuen Resturant) และนั่งมองวิวอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์จากอิ่มฝั่ง (Chakkaphong Reservoir) ผมเห็นฝนตกหนัก ก็เลยสั่งแบบจัดหนักมากินคนเดียว เรียกได้ว่ากินไม่หมดกันเลยทีเดียว อาหารสองจานข้าวสองจานกันเลยจร้า..
กินข้าวแบบอิ่มๆอยู่พักใหญ่ๆ ผมก็ออกเดินทางไปต่อที่ใกล้ๆ เป็นสถานที่ไม่ได้อยู่ในแผนการเดินทางวันนี้ เนื่องจากวันนี้มีแผนไปน้ำตกเหวอีอ่ำ แต่ด้วยสภาพอากาศและข้อมูลการเดินทางบอกว่าต้องเดินเข้าไปถึงตัวน้ำตกมีระยะทาง 5 กิโลเมตร มองดูเวลาไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคงไม่ได้ผมเดินเข้าไปเป็นแน่ และประจวบเหมาะกับใกล้ๆมีน้ำตกเขาอีโต้ (Khao Ito Waterfall) ซึ่งอาจจะไม่ใช้น้ำตกที่อลังการใหญ่ แต่ก็ให้ชุ่มฉ่ำหลังสายฝนที่โปรยลงมาได้ดีทีเดียว
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศไม่นานผมเองก็คงต้องไปต่อเพื่อเข้า Check-in ที่พักในวันนี้ ผมขับรถมาพักใหญ่ อากาศฝั่งที่พักวันนี้ไม่มีแม้แต่ฝนลงเลยสักเม็ด ผมเลือก อาทิตย์-ธารา (Arthit-tara) เป็นที่พักของผมวันนี้ ที่นี่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ระหว่างทางปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา เมื่อเดินทางมาถึงความรู้สึกคือเหมือนคุณเดินทางมาบ้านเพื่อน หรือบ้านพักตากอากาศต่างจังหวัด ไม่วุ่นวาย เป็นวิถีชีวิตแบบเรียบงายสบายๆ ผม Check-in เข้าพักพร้อมบรรยากาศดีๆ มีพี่พนักงานชื่อ “พี่แนน” ต้อนรับผมด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง และเป็นคืนวันอาทิตย์ที่มีเพียงผมและผู้เข้าพักห้องพักแบบ Sweet Room อีกหนึ่งห้องในคืนนี้ ทำเอาผมที่อยากได้ความสงบก็ได้อย่างที่ใจอยากได้จริงๆ
เช้าวันใหม่..ผมต้องกลับไปที่ที่เดินมาออกมาอีกครั้ง จะด้วยอะไรก็ตาม ผมเลือกที่จะทำหลายอย่างไปพร้อมๆกัน การที่ผมออกมาเดินทาง ผมอาจจะมีเงินเก็บน้อยลงแต่ความสุขของผมเพิ่มมากขึ้น เหตุผลของการออกไปเที่ยว ก็เหมือนเวลาเราฟังเพลงที่เราชอบ เรามักจะฟังเพลงเดิมๆซ้ำๆไปมา
เวลาออกไปเที่ยวก็เหมือนกับว่าเรากำลังฟังเพลงเดิมที่เราชอบซ้ำอยู่ มันจึงเป็นคำตอบของความสุขที่ได้มา แม้ว่าเราจะเคยฟังเพลงนั้นหลายครั้ง เราก็ยังคงยังอยากฟังมันอยู่ดี!
ข้อมูลที่พักทริปปราจีนบุรี
เบอร์กันดี เรสซิเดนซ์ 304 (Burgundy Residence 304)
พนักงานบริการดี ให้ข้อมูลได้หลายเรื่อง ห้องพักสะอาด สงบ ถ้าชอบสไตล์ญี่ปุ่นน่าสนใจ ใกล้นิคม 304 สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีสระว่ายน้ำ มีอ่างให้แช่ออนเซ็น มีฟิตเนสด้วย
อาทิตย์-ธารา (Arthit-tara)
ถ้าพูดถึงวิวและการจัดตกแต่งดี บรรยากาศเหมือนไปบ้านพักตากอากาศ หลีกหนีความวุ่นวาย พนักงานดูและดี ห่างไกลชุมชนไกลที่ท่องเที่ยวหน่อย ไม่ได้อยู่ใกล้ตัวเมืองเลย แต่ถ้าชอบความสงบแนะนำเลย
ค่าใช้จ่ายทั้งทริปปราจีนบุรี
– ค่าที่พัก 2 ที่สองคืนรวมกัน 4,139.74 บาท
– ค่าเช่ารถ 2 วัน 1,505.84 บาท
– ค่าน้ำมันรถ 750 บาท
– ค่าอาหาร 3 วัน 2 คืน 1,110 บาท
รวมทั้งทริป = 7,505.58 บาท