กลับมาเดินทางคนเดียวอีกครั้ง เหมือนทุกอย่างมันเริ่มแบบปุ๊บปั๊บ เริ่มจากคิดว่าจะออกเดินทาง และช่วงวันอังคารตอนเช้าก็ตัดสินใจ ช่วงสายๆก็ลงวันลาในระบบ เริ่มหาข้อมูลว่าต้องเดินทางยังไง พักที่ไหนวันถัดไปก็เริ่มจองทุกอย่างที่จองได้ยกเว้นรถขากลับ
รีวิวเที่ยวเกาะกูด (Ko Kut)
การเดินทางหลังใช้ขนส่งสาธารณะเริ่มจากเอกมัย แต่จากที่อ่านรีวิวในเว็บไซต์บอกต้องขึ้นรถตอนตี 5 เท่านั้น! ประเด็นคือบ้านผมอยู่ไกลจากเอกมัยอยู่เหมือนกันไม่น่าจะทันตี 5 แน่ๆ เลยต้องเตรียมตัวมานอนใกล้ๆเอกมัยละกัน จากนั้นก็หาที่พักได้ที่ เบดเอฟเวอร์ แบงค็อก บูทิก โฮเต็ล (Bedever Bangkok Boutique Hotel) ตั้งอยู่ที่ BTS พระโขนงแบบแนบชิดสถานีกันเลย
โรงแรมโอเคทุกอย่างเป็นแบบคล้ายๆโฮสเทล ห้องพักสะอาดดีและพื้นที่ภายในห้องลงตัว มีบันไดขึ้นลงที่นอนบนชั้นลอยเก๋ไก๋ดีมาก ผมเข้าเช็กอินพร้อมบอกกับพนักงานว่าผมจะเช็กเอาตอนเช้ามากนั้นคือตี 4.30 น.
ก่อนนอนแอบสำรวจโดยรอบกินข้าวตรงร้าน Max Value และมองหาการเดินทางไปสถานที่ขนส่งเอกมัยในตอนตี 4.30 เห็นตรงข้ามมีวินมอเตอร์ไซต์น่าจะโอเคเพราะเช้าๆแบบนั้น BTS ก็ยังไม่เริ่มวิ่ง
เช้ามาเริ่มด้วยความผิดพลาดแรกคือวินมอเตอร์ไซต๋ไม่มีใครเลย เลยตัดสินใจเดิน 800 เมตรที่คิดว่าไม่ไกลนัก.. แต่ผมอาจจะคิดผิดทำไมไม่นั่ง Taxi ไปละ
ต้วยความเอ๋อๆของผมเอง ไปถึงสถานีขนส่งฯแบบลืมว่าจองรถตู้ของผู้ให้บริการเดินรถรายไหนไว้นะ? ยืนงงอยู่พักใหญ่จนมีคนเดินเข้ามาถาม สรุปสุดท้ายเปิดเจอบนมือถือเดินไปถามเขาบอกไปรอเลยชานชลา 17 (จัดว่าเด็ด! ฮ่าๆ)
ได้เวลาออกเดินทางรถออกตี 5 กว่าๆละ มีจอดให้พักรถประมาณครึ่งทาง ผมลงไปหาข้าวกินรองท้องเลือกเมนูพะโล้เพราะกลัวท้องเสียบนรถ ก็เลยเอาแบบเซฟๆไปก่อนละกัน ออกเดินทางต่อถึงท่าเรือ 10 โมง 25-30 โดยประมาณซึ่งใจก็คิดว่าน่าจะทันเรือ แต่เป็นเรื่องผิดพลาดอีกเรื่องคือผมตกเรือที่จองไว้ และยังมาเจอกลยุทธ์รถสองแถวเข้าไป พยามจะให้เราเหมาแบบจ่ายค่ารถเที่ยวละ 400 ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับประสบการณ์รถสองแถวที่ให้บริการ ทั้งที่มีคิวให้บริการแต่ก็พยามหาคนจ่ายเหมาให้ได้ก่อนและคิดเงินเกินราคาโดยไม่มีใครควบคุม!
สรุปเดินทางต่อตัวรถสองแถวนี้แระเข้าไปท่าเรือที่จองไว้ แต่ไม่ทันแล้วเรือแล้วไม่จะหวังเล็กๆก็ตาม หาทางรอดไปต่อโดยขึ้นเรือเจ้าอื่นๆ เพราะรอรายเดิมคิวเรือออกอีกทีคือบ่ายสองโน้นเลย ต้องขอบคุณน้องๆที่ตกเรือด้วยกันทั้งสองคนนั้นนะครับ ผมไม่กล้าทำความรู้จักแต่น้องสองคนติดต่อท่าเรือด้วยความรวดเร็ว ถ้าตัวผมเองนี้คงเชื่อยๆอีกพักแน่นอน
ขึ้นเรือกับรายใหม่ไปถึงเกาะกูดบ่ายโมงกว่า มีรถคอยรับไปยังรีสอร์ทต่างๆตามที่ได้จองกันไว้โดยส่งถึงหน้ารีสอร์ทอย่างปลอดภัย ผมเลือกพักที่ อาณาเล รีสอร์ท (A-Na-Lay Resort) เป็นที่พักของผม 2 คืนบนเกาะ และเข้าที่พักสิ่งแรกที่ทำหาอะไรกินก่อนเลย เดินไปสั่งอาหารที่ล็อบบี้รีสอร์ทจัดเต็มมื้อแรกเอาปลาตัวโตๆมากเลยจ๊ะ ปลากระพงนึ่งมะนาวกับข้าวสวยๆพร้อมของมึนเมาให้ชื่นใจสะหน่อยจากอาการงัวเงียมึนๆที่มีอยู่หายสนิท
อิ่มแล้วก็หาอะไรย่อยอาหารที่กินไป อิ่มๆแบบนี้ก็เริ่มสำรวจที่พักวิวสวยๆ บรรกาศดีๆมาฝากกันคงไม่ต้องเล่าถึงความสวยมากเพราะบรรยากาศตรงนี้มันคงบรรยายตัวมันได้ดีอยู่แล้ว
หมดวันเบาๆพักผ่อนเต็มที่ เช้าอีกวันมีแผนจะลงน้ำให้หายคิดถึงทะเล..
เริ่มวันใหม่จากการลงสระและต่อด้วยทะเล นั่งทำเป็นเท่ส์อยู่หลายท่า แม้ว่าจะไม่เท่ส์ก็เถอะ ต่อด้วยอาหารเช้าจากทางรีสอร์ท ลุยต่อตามแผนคือเช่ารถมอเตอร์ไซต์ เตรียมออกไปที่ต่างๆ ทุกมุมที่บนเกาะกูด ขับออกมาไม่นานใกล้ๆรีสอร์ท มีจุดขึ้นเรือออกไปตกหมึกหรือไปเกาะต่างๆคอยให้บริการ แต่จากแผนที่คิดไว้ในใจคือ วันนี้ผมตั้งใจจะสำรวจเกาะ เพราะผมมาเกาะกูดจะออกไปจากเกาะอีกทำไหมละมั่ง นั้นคือเหตุผลที่ไม่รู้จะเป็นเหตุผลได้หรือไม่
ที่แรกน้ำตกคลองเจ้า (Klongjao Waterfall) เดินเข้าไปสำรวจจากจุดจอดรถมอเตอร์ไซต์ไม่ไกลมากนักผมก็ได้พบตัวน้ำตกในฤดูแล้งแบบนี้ มีเพียงน้ำไกลเอื่อยๆไหลลงมาไม่มากนัก แต่ก็ได้อารมณ์และความรู้สึกของธรรมชาติไปอีกแบบ
ต่อจากน้ำตกไม่ไกลกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติ-เขาเรือรบ (Khaoruerob) มีเส้นทางให้เดินป่าเล็กๆที่ผมมีเจ้าน้ำตาลเดินนำหน้าไปแบบผู้นำให้พอได้อุ่นใจว่าป่านี้ผมไม่ได้เดินมาแค่คนเดียว แม้ว่าในใจก็คิดกลัวเหมือนกันว่าลุยคนเดียวต้องแบบนี้เลยเหรอวะ
ไปต่อกันอีกคือน้ำตกคลองยายกี๋ (Namtok Khlong Yai Ki) ที่นี่ขับรถเข้าไปแบบมาคนเดียวก็เงียบมากพออยู่แล้ว แต่เข้าไปในตัวน้ำตกยิ่งเงียบเข้าไปอีก และที่สำคัญพอเดินเข้าไปแล้วพบว่าน้ำตกหน้าแล้งมันก็จะไม่ได้สวยอย่างที่เราจินตนาการไว้ เวลาเราคาดหวังอะไรแล้วไม่ได้ตามความคาดหวังนั้นเราก็จะผิดหวัง เหมือนกับคำที่ว่ามีแต่คนที่สมหวังเท่านั้นแหละที่บอกว่าการรอมันคุ้มค่า
ผมบิดมอเตอร์ไซต์ไปต่อที่จุดเริ่มต้นขึ้นฝั่งคืออ่าวสลัด (Aow Salud Village) เดินดุ่มๆเข้าไปตามหมู่บ้านชาวเลบนเกาะกูด ทั้งทำกุ้งแห้งปลาแห้ง เอาปูออกจากอวนที่ล่ามาเป็นวิธีที่เรียบง่ายเดินมาสักพักรู้ตัวเองอีกทีเริ่มหิวจากที่ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ในใจคือหาร้านอาหารดูดีๆสักร้านแล้วนั่งชิลๆไป แต่จากที่ขับรถวนไปวนมายังไม่เจอร้านไหนเลย ระหว่างบิดรถไปมาเจอทางเข้าไปยังต้นมะค่ายักษ์ (Maka Three 500 years) ก็เลยแวะเข้าไปแบบไม่ลังเลแต่ก็กลัวๆเพราะเส้นทางเข้าไปเงียบสงัดปลอดจากผู้คน คงเป็นเพราะเขามาทะเลกันไม่ได้มาดูต้นไม้แบบผมสินะ
ขับรถออกมาสักพักเจอร้านนี้สะดุดตาแวะเข้าไปสั่งเป็นอาหารแนวฝรั่งๆที่ผมอาจจะไม่ค่อยถนัดนักได้เมนูสลัดกับน้ำอโวคาโด้มา กินสักพักก็คิดได้ว่าแดดร้อนแบบนี้ต้องหาที่หลบแดดสักพักแล้วบ่ายๆแก่ๆออกไปต่อที่หาดอ่าวพร้าว (Ao Phrao Beach) บรรยากาศอีกมุมหนึ่งที่มีชายทะเลสวยๆใกล้แนวเขายื่นออกไปกลางทะเลที่เปิดให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ใครๆก็เข้ามาพักผ่อนได้
และตกเย็นผมตั้งใจจะไปพายเรือคายัคที่รีสอร์ทแต่ดันขับรถหลงไป แหลมอ่าวใหญ่ (Ao Yai Pier) ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกอีกฝั่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีเรือมาจอด แต่มีปลาชุม ไม่ได้เป็นทา เรือสำหรับนักท่องเที่ยวเดินทาง บรรยากาศยามเย็นก็ได้ฟิลไปอีกแบบ
ผมบิดรถกลับมาที่พักเพื่อทำตามความตั้งใจคือพายเรือคายัค หลังจอดมอเตอร์ไซต์ก็ดิ่งตรงไปลงทะเล พายเรือออกไปแบบไม่กำหนดทิศทาง
ผมเองมักจะตื่นมาตอนดึกๆ ตี 2 บ้าง ตี 3 บ้าง.. นอนไม่ค่อยหลับพาลพาสุขภาพไม่ดีไปด้วย อาจจะเป็นเพราะความคิดที่อยู่ในสมองมันเอาออกมาไม่ได้ ทุกเช้า..ตื่นมากับความหวังและรายล้อมด้วยความคาดหวัง เราให้ราคากับบางสิ่งบางอย่างและตีมันออกมาเป็นมูลค่าคิดเป็นตัวเลข จนลืมไปว่าจริงๆแล้วการมีตัวเลขเหล่านั้นทำบางสิ่งบางอย่างรอบตัวเราหายไป..
การพาเรือคายัคออกมากลางทะเลแล้วปล่อยให้เรือลอยแบบไม่มีทิศทาง ไม่ได้ดูเวลา ไม่คิดถึงตัวเลขใดๆ มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะหายไปเป็นสัญญาณบอกว่า วันพรุ่งนี้กำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้วสินะ..
ระยะทางเราอาจจะทำให้เราเหนื่อย อาจจะทำให้เราอ่อนเพลีย แต่คุณค่าระหว่างทางและเหตุการที่พบเจอคงเป็นประสบการณ์ที่มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่เป็นคนเล่ามันให้คนอื่นฝั่งได้
มีหลายคนถามผมว่าทำไมออกมาเที่ยวคนเดียว? คงเพราะมันเป็นอีกความฝันอีกหนึ่งเรื่องและแรงบันดาลใจให้ผมใช้ชีิวิตต่อไปนะ ผมอยากออกไปเที่ยวแบบนี้นานแล้วสุขใจที่เราได้ลงมือทำ เวลาออกเดินทางมันทำให้เรามีความสุขกับเรื่องที่พบเจอตรงหน้ามากกว่าจะหอบเก็บความกังวลที่อยู่เบื้องหลัง ผมไม่ได้หลอกตัวเองเพื่อมีชีวิตอยู่อีกวัน แต่ผมพยามปรับสมดุลชีวิตที่ผมสามารถเลือกลงมือทำได้ที่ยังไม่แรงอยู่..
สรุปค่าใช้จ่ายทริปเกาะกูด
ที่พักเอกมัย = 500 บาท
ค่ารถตู้ ไปกลับ = 600 บาท
ค่าเรือไป 500 (ตกเรือ) +ซื้อใหม่ 300 ขากลับ 500 = 1,300 บาท
ค่ารถสองแถว ไป 80 กลับ 250 = 330 บาท
ค่าเช่ามอไซต์ 300 ค่าน้ำมัน 40 = 340 บาท
ค่าคายัค = 100 บาท
ค่าที่พัก = 4,194 บาท
ค่าอาหาร จุดพักรถ 40+ บนเกาะมื้อแรก 500+ บนเกาะเที่ยววันเสาร์ 500+ เย็นเสาร์ 200+ ขนส่งตราดขากลับ 60 = 1,300 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด = 8,664 บาท