นโยบายภาษีนำเข้ารถยนต์ของ Donald Trump ที่เคยเป็นกระแสใหญ่ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งหลังมีการคาดการณ์ว่าเขาอาจกลับมาชิงตำแหน่งอีกครั้งในปี 2024 และแน่นอนว่าโลกยานยนต์ต่างก็จับตามอง โดยเฉพาะค่ายรถที่มีฐานการผลิตในต่างประเทศ หรือมีแผนขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ
แล้วใครกันที่จะได้ประโยชน์จากภาษีนี้ และใครจะต้องน้ำตาตก?
ผู้ชนะ (Winners)
Tesla
แน่นอนว่าผู้ชนะอันดับหนึ่งก็คือ Tesla ที่มีโรงงานผลิตอยู่ในสหรัฐฯ แถมยังเป็นแบรนด์ที่ Trump เคยเอ่ยปากชมอีกด้วย ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้นจากการนำชิ้นส่วนจากต่างประเทศ
Ford และ General Motors (GM)
สองแบรนด์อเมริกันยักษ์ใหญ่ ที่ผลิตส่วนใหญ่ในประเทศ ก็จะได้เปรียบเหมือนกัน ถึงแม้จะมีโรงงานในต่างประเทศ แต่สินค้าหลักที่ขายในบ้านเกิดยังเป็น Made in USA อยู่ดี
Toyota (ในบางกรณี)
Toyota มีโรงงานใหญ่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในรัฐเท็กซัส และเคนตั๊กกี้ ซึ่งผลิตรถยนต์จำนวนมากเพื่อจำหน่ายในประเทศ ทำให้รอดจากภาษีได้ส่วนหนึ่ง แม้จะยังมีบางรุ่นที่ต้องนำเข้า
BMW (บางส่วน)
ถึงจะเป็นแบรนด์เยอรมัน แต่ BMW มีโรงงานผลิต SUV ขนาดใหญ่ใน South Carolina ซึ่งเป็นศูนย์ส่งออกของรถรุ่น X-series ไปทั่วโลก ทำให้บางรุ่นรอดภาษี และบางรุ่นอาจได้รับผลกระทบ
ผู้แพ้ (Losers)
Hyundai และ Kia
แม้ว่า Hyundai กับ Kia จะเริ่มมีการตั้งฐานการผลิตในอเมริกา แต่ยังพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนจากเกาหลีใต้จำนวนมาก ซึ่งนั่นหมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้น
Volkswagen (VW), Mercedes-Benz และ Audi
แบรนด์เยอรมันเหล่านี้มีการผลิตในยุโรปและนำเข้ารถยนต์รุ่นเรือธงเข้ามาขายในสหรัฐฯ การต้องเจอกับภาษีนำเข้าสูงถึง 25% ย่อมกระทบโดยตรงต่อยอดขายและราคาที่ต้องปรับตัวขึ้น
Honda
แม้จะมีโรงงานผลิตในอเมริกา แต่ Honda ก็ยังมีการนำเข้าชิ้นส่วนสำคัญหลายรายการจากญี่ปุ่น เช่น เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ซึ่งจะถูกเก็บภาษีตามนโยบายนี้เช่นกัน
Subaru
อีกหนึ่งค่ายจากญี่ปุ่นที่ไม่มีโรงงานในสหรัฐฯ มากนัก และรถยนต์ที่ขายดีอย่าง Subaru Forester หรือ Outback ล้วนผลิตจากญี่ปุ่นทั้งสิ้น ราคาขายอาจต้องสูงขึ้นจนสูญเสียความได้เปรียบในตลาด
ผลกระทบในวงกว้าง
นโยบายภาษีของ Trump ตั้งใจปกป้องผู้ผลิตในประเทศ แต่ผลกระทบจริง ๆ อาจย้อนกลับไปยังผู้บริโภคที่ต้องจ่ายแพงขึ้น และผู้ผลิตเองที่ต้องปรับตัวหนัก โดยเฉพาะค่ายรถที่ใช้ระบบ Global Supply Chain เพราะการจัดหาชิ้นส่วนและการผลิตแบบแยกประเทศเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกยุคปัจจุบัน
และถ้า Trump กลับมาอีกครั้งในตำแหน่งประธานาธิบดี นโยบายนี้อาจจะกลับมาอีกครั้งด้วยความเข้มข้นกว่าเดิม การเตรียมพร้อมของแต่ละแบรนด์จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะแบรนด์ที่ต้องการบุกตลาดอเมริกาในอนาคต
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็น Tesla ที่ดูเหมือนจะชนะอย่างชัดเจน หรือ Volkswagen ที่ต้องรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทุกค่ายต่างก็ต้องเตรียมกลยุทธ์รับมือกับโลกที่ไม่แน่นอน เพราะแค่คนคนเดียวกลับมา ก็อาจเปลี่ยนเกมทั้งกระดานได้เลย