สหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นผู้นำด้านการสร้างพลังงานสะอาด ทดแทนการสร้างพลังงานรูปแบบเก่าที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ข่าวดีคือตอนนี้สหรัฐฯ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์มากกว่าถ่านหินในไตรมาสที่ 1 ปี 2023 แล้ว ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามอ่านกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- เมื่อไม่กี่วันก่อนในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หน่วยงานอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในสหรัฐอเมริกาเปิดเผยตัวเลขที่สำคัญและแสดงให้เห็นว่าพลังงานทดแทนในสหรัฐอเมริกากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพลังงานลมและแสงอาทิตย์มียอดการผลิตที่สูงมากกว่าถ่านหินในไตรมาสที่ 1 ของปี 2023
-
โดยข้อมูลพบว่าพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีการผลิตเพิ่มขึ้น 7.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2022 โดยเกิดจากความพยายามผลักดันให้บ้านเรือนในสหรัฐอเมริกาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์โดยคิดเห็น 1 ใน 3 หรือประมาณ 32.08% ของการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา
-
ขณะเดียวกันการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมมีการผลิตเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 โดยการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากลมมีสัดส่วน 12.5% ของการผลิตพลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา
-
เมื่อนำตัวเลขการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และพลังงานลมมารวมกันจะสามารถคิดเป็น 16.9% ของการผลิตพลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา แซงหน้าตัวเลขการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินที่เหลือเพียง 15.6% ซึ่งลดลงจาก 28.6% ในปี 2022 ที่ผ่านมา
-
สำหรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกานอกเหนือจากถ่านหิน พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ส่วนใหญ่อีกประมาณ 59.5% ถูกผลิตจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มากถึง 96 โรง โดยสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก
-
สหรัฐอเมริกามีการเติบโตเรื่องการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนอย่างรวดเร็ว นอกจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และพลังงานลมยังมีการผลิตกระแสไฟฟ้าจากชีวมวล พลังงานความร้อนใต้พิภพและพลังงานน้ำ หากรวมตัวเลขพลังงานทดแทนทั้งหมดในไตรมาสแรกของปี 2023 จะเท่ากับ 24.9% ของการผลิตพลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ที่ผ่านมา
-
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 1 ปี 2023 ตัวเลขของการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานน้ำกลับลดลง 15.5% พลังงานไฟฟ้าจากชีวมวลลดลง 6.2% และพลังงานไฟฟ้าจากความร้อนใต้พิภพลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ซึ่งสามารถช่วยสะท้อนความนิยมแหล่งพลังงานทดแทนที่ผลิตจากแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นสวนทางกัน
และนี่ก็คืออีกหนึ่งข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงพลังงานทดแทนที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกคน เพราะเราเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับผู้สนใจด้านพลังงานทดแทนในประเทศไทย