ผมว่าเนื้อหาที่ดีก็ยังคงเป็นสิ่งที่เข้าถึงกลุ่มคนได้ดีไม่เคยเปลี่ยน แม้ว่าจะส่ง Traffic จาก Social media มากแค่ไหน ก็จะเห็นได้การให้ความสำคัญของเนื้อหานั้นแทบน้อยนิด ต้องทำใจเมื่อข้อกฏหนดแล้วเงื่อนไขการแสดงผล การให้ค่า Reach ของ contents ที่มีการ Post ลงในแต่ละ media ที่แตกต่างกันออกไป Owner ก็ค่อยที่จะปรับตัวให้เพื่อเล่นตามเกมส์ของเจ้าของ Platform นั้นเสมอๆ นอกจากนั้นถ้าไม่มีแฟนพันธุ์แท้มา Engagement ก็จบกัน โดนบอกเลิกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มคบก็ว่าได้.. นั้นเหละโลกของการทำ Online Media
ถ้าเปรียบเหมือนคู่รักก็คงจะมีเรื่องให้งอน ต้องคอยตามง้อกันบ่อยๆ โดยไม่รู้เลยว่าเหตุผลจริงๆแล้ว สิ่งที่ต้องการของเรื่องนี้คืออะไร แต่..คงไม่มีทางเลือกถ้าไม่ได้อยู่ใน Control ทำให้เรายังต้องเล่นตามเกมส์ต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การสร้าง Contents ที่ดีย่อมเป็นทางเลือกหนึ่งที่อยู่รอด ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป ฉันก็ยังไม่เคยจะเปลี่ยนใจ อะไรแบบนั้น..ถ้าเนื้อหาเราดี การให้ความสำคัญและการเข้าถึงจะมาเองโดยว่าไหมคุณผู้อ่าน?
ลองคิดดูครับ ว่าจะเล่นตามเกมส์ที่เขาเป็นคนกำหนดให้เสมอหรือลองคิดนำหน้าดูบ้าง ออกนอกกรอบเดิมดูบ้าง พึงพาโลก Social media มากไปวันนึงก็ต้องยอมควักเงินจากระเป๋ามาจ่ายเพื่อให้เข้าถึง ถ้าคุณพร้อมเปย์ผมก็ไม่อยากขัดใจ แต่ถ้าเปย์แล้วเขายังหมดใจ.. อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน
เหตุผลที่ทำให้ใครต่อใครบอกว่าทำไมต้อง Content Is King?
- มันดีมากเลยสำหรับการทำ SEO แน่นอนว่าเนื้อหาที่ดีใครๆก็อยากอ่าน และถ้าเนื้อหาที่ได้ถูกเขียนขึ้นแล้วโพสลงเว็บไซต์ที่ไหนสักที่ เป็นประโยชน์ต่อผู้คนที่เข้ามาอ่านก็ย่อมต้องอยากจะอ่าน และที่สำคัญก็อยากแชร์ต่อเมื่ออ่านแล้วก็อาจจะเกิด Word of Mouth ในโลกออกไลน์
- ช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วม อันนี้ก็เช่นเดียวกับปลายๆข้อแรกคือการส่งต่อที่ดีมีคุณภาพ ไปในพื้นที่ที่เหมาะสม เช่น การนำเรื่องเล่าเรื่องผี ไปเล่าในเว็บบอร์ดหรือกลุ่ม Facebook คนเล่าเรื่องผี กลุ่มคนเหล่านั้นก็ย่อมสนใจมากกว่าการส่งต่อบทความเรื่องผีในกลุ่มแม่และเด็กว่าไหม?
- สร้างโอกาสในการขาย ขายแล้วขายอีก! นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมี Influencer มานั่งช่วยขายของ เพราะการที่มีคนอยู่ในเรื่องนั้น มีความชำนาญเรื่องนั้นอยู่แล้วเป็นคนเล่ามันก็ตรงกลุ่ม อะไรที่ตอบโจทย์ก็ขายดี และแน่นอนมันขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่สั่งสมมาด้วยเช่นกัน
- เพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะการสร้าง Brand loyalty ได้นั้นต้องการเวลา และเวลาจะสร้างความเชื่อมั่นที่ดีของตัวสินค้าและบริการนั้นจะมีมูลค่าได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟร้านนึ่งทำไมถึงขายในราคา 150-200 บาทได้ แต่อีกร้านหนึ่งถ้าขายราคานี้คงไม่มีใครยินดีจ่าย สินค้าที่มีมูลค่าก็ย่อมต้องมีเรื่องราวเสมอๆ
- เพิ่มอัตราการเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นทุกข้อที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ก็ดี ล้วนแล้วมีส่วนช่วยพลักดันให้อัตราการเข้าถึงเพิ่มขึ้นทุกช่องทาง และทุกอย่างต้องทำแบบ Parallel กันไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ขนาดการทำ Paid media ยังต้องทำ A/B testing เพื่อหาผลและความแตกต่างเลยแล้วทำไมการทำ Contents ถึงจะไม่มีละ? ไม่ใช่ทุกเนื้อหาที่คุณใส่ลงไปจะทำให้คนทุกคนชอบ!
ฝากไว้สำหรับชาวไอทีเมามันส์ได้อ่านครับ พอดีเขียนบทความนี้เล่นๆหลังจากเข้าไปดู Traffic ของเว็บไซต์แล้วเห็นว่า การส่ง Contents ไปยัง Social media มันไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป การทำเรื่องที่ยากแล้วค่อยๆสะสมไปเรื่องๆ แม้ว่าจะช้าหน่อยแต่อย่างน้อยๆผลลัพธ์ที่ได้รับมันก็จะออกมาหายเหนื่อยเสมอ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ