ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การปรับตัวของธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาระบบอัตโนมัติ การวางแผนและการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตจะช่วยให้ผู้จำหน่ายระบบอัตโนมัติด้านอุตสาหกรรมอยู่รอดและเติบโตได้ นี่คือ 7 แนวทางที่ควรคำนึงถึง
- ดำเนินการตามคำสั่งซื้อที่มีอยู่
การให้ความสำคัญกับลูกค้าปัจจุบันเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ตามปกติ แม้ในช่วงที่สถานการณ์ไม่แน่นอน การตอบสนองคำสั่งซื้อจากลูกค้าเดิมจึงเป็นสิ่งสำคัญ - การได้ลูกค้าคืนมา
หลังจากสถานการณ์โควิดที่ทำให้ซัพพลายเชนสะดุด การนำลูกค้าที่เคยหายไปกลับมาเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มรายได้ได้เร็วขึ้น การสื่อสารที่ตรงประเด็นและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี - เข้าใจความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
หลังจากเหตุการณ์สำคัญ ความต้องการของลูกค้าอาจเปลี่ยนไป ผู้จำหน่ายที่สามารถปรับตัวได้เร็วที่สุดจะมีโอกาสคว้าส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น - มุ่งเน้นที่อุตสาหกรรมใหม่ๆ
เมื่ออุตสาหกรรมเก่าเริ่มถดถอย อุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าหรือหุ่นยนต์จะเป็นสิ่งที่เติบโตในอนาคต การติดตามเทรนด์ใหม่ๆ และปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับตลาดจะช่วยให้ผู้จำหน่ายอยู่รอดได้ - ฝึกอบรมทักษะให้กับพนักงาน
การพัฒนาทักษะใหม่ๆ ให้กับพนักงานในองค์กรเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะการที่ตลาดเปลี่ยนไป ทักษะที่ใช้ในอดีตอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป การฝึกอบรมทักษะให้ทันสมัยจะช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้ - ลงทุนในระบบดิจิทัล
ในยุคที่ลูกค้าอุตสาหกรรมหันมาใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น ผู้จำหน่ายต้องปรับตัวตาม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกิจได้สะดวกขึ้น สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า - การพัฒนาระบบนิเวศของพันธมิตร
การทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น ระบบ Motion และ Robotic จะช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพและสร้างผลกำไรได้มากขึ้น
การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้ผู้จำหน่ายระบบอัตโนมัติด้านอุตสาหกรรมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมั่นคง