Apple ยังคงเดินหน้าผลิต iPhone ในอินเดียอย่างมั่นคง แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตลาดอเมริกา ซึ่งมีแนวโน้มว่าภาษีศุลกากรจะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งกับสินค้าที่ผลิตในจีน
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์คนดังจาก TF International Securities ได้ออกมาเปิดเผยว่า Apple ยังคงยึดมั่นกับแผนขยายฐานการผลิตในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันโรงงานของ Foxconn ในเมือง Chennai รับหน้าที่หลักในการผลิต iPhone รุ่นใหม่ ๆ โดยมีเป้าหมายลดการพึ่งพาจีนลงอย่างเห็นได้ชัด
ปัจจุบัน อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญที่ Apple มองว่าจะช่วยลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และภาษีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงตึงเครียด
Kuo ระบุว่า สัดส่วนการผลิต iPhone ในอินเดียขณะนี้อยู่ที่ราว ๆ 12-14% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต ซึ่ง Apple ตั้งเป้าหมายให้สัดส่วนการผลิตจากอินเดียแตะระดับ 20-25% ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า
การตัดสินใจเดินหน้าในอินเดียของ Apple ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการตอบสนองต่อปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก โดยอินเดียมีแรงงานราคาถูก แรงสนับสนุนจากรัฐบาล Modi รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
Foxconn, Pegatron และ Wistron สามพันธมิตรสำคัญของ Apple ในการประกอบ iPhone ก็ได้ขยายกิจการในอินเดียต่อเนื่อง โดย Foxconn ได้ลงทุนเพิ่มในรัฐ Tamil Nadu พร้อมประกาศจ้างงานเพิ่มอีกหลายพันตำแหน่ง
นอกจากนี้ อินเดียยังกลายเป็นตลาดผู้บริโภคที่ Apple ให้ความสำคัญอย่างมาก ด้วยจำนวนประชากรมหาศาล และชนชั้นกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ Apple ไม่ได้มองอินเดียแค่ฐานการผลิตเท่านั้น แต่ยังมองเป็นตลาดทำกำไรระยะยาวอีกด้วย
แม้จะมีความเสี่ยงเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ความไม่แน่นอนทางนโยบาย หรือความท้าทายด้านโลจิสติกส์ แต่ Apple ก็ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของอินเดีย ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการปรับสมดุลซัพพลายเชนระดับโลก
บทสรุปก็คือ Apple กำลังปรับตัวอย่างแยบยล เพื่อให้สามารถรับมือกับภาษีนำเข้าในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อต้นทุนการผลิตและกำไรสุทธิ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ต้องจับตาดูต่อไปในระยะยาว