ถ้าพูดถึงระบบปฏิบัติการที่หลายคนรอคอยการอัปเดตกันทุกปี เชื่อว่า “iOS” ของ Apple น่าจะเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ติดโผอยู่แน่นอน เพราะคนที่ใช้ iPhone จำนวนมากต่างเฝ้ารอความเปลี่ยนแปลง ความล้ำสมัย และฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ Apple ขยันปล่อยมาอัปเดตให้ทุกเวอร์ชัน ล่าสุดทาง Apple ได้ออกมาเผยตัวเลขสถิติน่าสนใจว่า ตอนนี้มี iPhones ถึง 68% แล้วที่ได้รับการอัปเดตเป็น iOS 18 เรียบร้อย!
หลายคนคงสงสัยว่า เอ๊ะ… iOS 18 มีอะไรเจ๋งๆ บ้างนะ ทำไมคนถึงแห่กันอัปเดตเร็วขนาดนี้ เพราะปกติระบบปฏิบัติการ iOS แต่ละรุ่นก็มีทั้งคนที่รีบอัปสุดๆ กับบางคนที่ยังสองจิตสองใจ กลัวเครื่องช้า กลัวแบตไหล บลาๆ แต่พอ Apple ประกาศชัดขนาดนี้ ก็พอจะการันตีได้ว่าข่าวคราวเกี่ยวกับ iOS 18 นั้นมีอะไรดีแน่นอน
แน่นอนว่าการที่ iOS เวอร์ชันใหม่ๆ จะได้เสียงตอบรับสูง ส่วนหนึ่งมาจากการที่ Apple พยายามทำให้ iOS เข้ากันได้กับ iPhone รุ่นเก่าหลายรุ่นพอสมควร แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทิ้งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่รองรับรุ่นใหม่ให้ “จัดเต็ม” ด้วย ซึ่ง iOS 18 เองก็เช่นเดียวกัน มีฟีเจอร์ล้ำๆ ที่หลายคนเริ่มเอามาใช้งานอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็นกระแสการอัปเดตแบบถล่มทลาย
ในบทความนี้ เราจะมาเมาท์มอยกันแบบชิลๆ ถึงประเด็นที่ Apple ออกมาบอกว่า 68% ของ iPhones ที่ใช้งานกันอยู่ ได้ย้ายมาอยู่บน iOS 18 แล้ว มีอะไรเด่น มีอะไรที่น่าสนใจ เหตุผลที่ทำให้คนย้ายมาเยอะขนาดนี้คืออะไร และมีเทคนิคหรือทิปส์ใดที่น่าสนใจสำหรับคนที่อาจจะลังเลหรือยังไม่ได้อัปเดตดี เราจะมาแชร์มุมมองแบบเพื่อนคุยเพื่อนให้ทุกคนอ่านกัน!
1. ทำไม iOS 18 ถึงฮิตติดลมบน?
- การออกแบบ Interface ที่ลื่นไหลกว่าเดิม
ถ้าถามคนที่อัป iOS 18 แล้วว่ารู้สึกอย่างไร ส่วนใหญ่จะบอกว่าการใช้งาน iPhone ดูลื่นไหลและสะดวกขึ้นอีกระดับ แม้ในรุ่นก่อนอย่าง iOS 17 จะว่าดีแล้ว แต่ว่า iOS 18 ก็มีการปรับปรุงดีไซน์บางส่วนทำให้เข้าใจง่ายขึ้น เช่น การจัดการ Notifications, Widget ใหม่ๆ และ Control Center ที่ปรับให้เข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ได้สะดวกขึ้นอีก - ฟีเจอร์ Privacy ที่อัปเกรด
Apple ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อยู่แล้ว พอมา iOS 18 ก็ยิ่งแน่นขึ้นไปอีก เช่น Permission ในการเข้าถึงข้อมูล การยกระดับ Mail Privacy Protection และการแจ้งเตือนเมื่อแอปมีการเข้าถึงกล้องหรือไมโครโฟนโดยไม่จำเป็น เรียกว่าเป็นจุดแข็งที่สาวก Apple ยอมรับและไว้วางใจ - Performance ที่ดีขึ้นบน iPhone เก่า
หลายคนกังวลว่าถ้าอัปไปแล้วเครื่องเก่าจะช้า แต่ปรากฏว่า iOS 18 มีการปรับ Performance ให้รองรับ iPhone รุ่นที่อายุหลายปีได้ดีในระดับหนึ่ง (แม้อาจไม่สุดเหมือนรุ่นใหม่) แต่ก็ถือว่าทำได้ดีพอควรสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ได้ทำให้หน่วงหรือค้างจนน่าเบื่อ บวกกับคนรุ่นใหม่บางส่วนอาจเพิ่งได้เครื่องมา ก็จัดการอัปเดตให้เรียบร้อยตั้งแต่เปิดกล่อง ทำให้ยอดอัปสูงขึ้นไปอีก - ฟีเจอร์ AI ที่ฉลาดกว่าเดิม
Apple ใส่ฟีเจอร์ AI หรือ Machine Learning ใหม่ๆ ในหลายจุด ยกตัวอย่างเช่น การเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานเพื่อประหยัดแบต, การปรับปรุงแอป Photos ให้ค้นหารูปง่ายขึ้น, การตีความข้อความ (Text Recognition) ในรูปภาพที่ทำได้เร็วและแม่นยำขึ้น ซึ่งหลายคนใช้งานจริงในชีวิตประจำวันเลยยิ่งปลื้ม
2. ทำไม Apple ถึงดีใจที่เห็นตัวเลข Adoption สูง?
จริงๆ Apple เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างภูมิใจใน “อัตราการอัปเดต iOS” อยู่แล้ว เพราะเมื่อเทียบกับฝั่ง Android ที่ผู้ผลิตหลายราย, รุ่นเยอะ, เวอร์ชันซอยยิบ ทำให้การอัปเดตอาจกระจัดกระจาย และใช้เวลานานกว่าจะครอบคลุมผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ของ Apple จะรวดเร็วและเป็นระบบมากกว่า เนื่องจากควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เอง
พอมีตัวเลข 68% จากปาก Apple ว่า “iPhones ทั้งหมด” (ที่กำลังใช้อยู่ในตลาด) ได้อัป iOS 18 เป็นที่เรียบร้อย มันจึงเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งในการสื่อสารว่า ระบบของ Apple ยังได้รับความเชื่อมั่นแบบต่อเนื่อง ยิ่งมีลูกค้าส่วนใหญ่ย้ายมา iOS 18 ก็เท่ากับลดภาระในการซัพพอร์ตเวอร์ชันเก่าๆ และสามารถโฟกัสที่การพัฒนา iOS 18 ให้สมบูรณ์ขึ้น และเตรียมต่อยอดไปสู่เวอร์ชันอนาคตได้อย่างรวดเร็ว
3. ฟีเจอร์อะไรใน iOS 18 ที่คนส่วนใหญ่ชอบพูดถึง?
- Widget แบบโต้ตอบได้
ใน iOS เวอร์ชันก่อนๆ Widget ก็มีอยู่แล้ว แต่ iOS 18 ได้พัฒนา Widget ที่สามารถโต้ตอบ (Interact) ได้มากขึ้น เช่น สามารถกด Like หรือส่งข้อความ ตอบสนองในหน้า Widget เลย ไม่ต้องกดเข้าแอปเต็มๆ ทำให้การใช้งานคล่องตัวขึ้นมาก - Focus Mode ที่ฉลาดกว่าเดิม
Apple ได้ปรับ Focus Mode ให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น ตั้งค่าแบบแยกได้ตามกิจกรรม เช่น เวลาทำงาน เวลานอน เวลาขับรถ ฯลฯ และยังตั้งเงื่อนไขการแจ้งเตือน รายชื่อคนที่ติดต่อได้ หรือแอปที่อนุญาตให้เตือนในโหมดนั้นๆ ได้แบบง่ายๆ - ปรับปรุงการแจ้งเตือน (Notifications)
Notifications ใน iOS 18 จัดเรียงได้เป็นระเบียบ ให้ผู้ใช้เลือกปรับการแจ้งเตือนได้ละเอียดขึ้น เช่น จัดกลุ่มตาม Priority หรือจะเลือกเปิด-ปิดแบบเป็นช่วงเวลา แถมหน้า Lock Screen ก็ปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์ - แอป Health ที่มีลูกเล่นหลากหลาย
แอป Health ใน iOS 18 มีการเก็บสถิติและอินไซต์ที่ลึกขึ้น เช่น การติดตามการนอน การเตือนให้ดื่มน้ำ หรือแม้แต่การตรวจจับเสียงกรนในบางฟีเจอร์ (ผ่าน Apple Watch) ซึ่งเชื่อมโยงกันใน Apple Ecosystem ได้ดี ทำให้คนรักสุขภาพรู้สึกว่ามีผู้ช่วยประจำตัวที่ฉลาดขึ้น - Safari ที่ยืดหยุ่นกับ Extensions
Safari บน iOS 18 เพิ่มความสามารถให้ Extensions ทำงานได้เต็มที่ขึ้น เปิดให้ผู้พัฒนาเสริมลูกเล่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโฆษณา, Password Manager, หรืออื่นๆ จนทำให้ประสบการณ์การท่องเว็บใกล้เคียงกับ Desktop มากกว่าเดิม
4. คนที่ยังไม่อัป iOS 18 ควรกลัวอะไรไหม?
บางคนอาจกังวลว่า ถ้าเครื่องเก่ามากๆ อย่าง iPhone รุ่น 6s, 7, 8 ฯลฯ (ที่บางรุ่นถึงขั้นไม่ได้ไปต่อ) หรือแม้แต่รุ่นที่ยังได้อัป ก็ไม่แน่ใจว่าจะกระตุกหรือเปล่า จะมีบั๊กให้ปวดหัวไหม ก็ต้องบอกว่า Apple มีการทดสอบค่อนข้างครอบคลุมก่อนปล่อยอัป รวมถึงในเวอร์ชันอัปเดตย่อย (iOS 18.x) ที่ปล่อยออกมาเป็นระยะก็จะคอยแก้ปัญหาปลีกย่อยอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี บางทีเครื่องที่มีอายุใช้งานนานๆ อัปแล้วอาจได้ประสบการณ์ที่ไม่ลื่นเหมือนรุ่นใหม่ ก็เป็นปกติของเทคโนโลยี และก็อาจมีปัจจัยอื่นๆ เช่น แอปที่ยังไม่รองรับ 100% หรือการตั้งค่าบางอย่างที่ขัดกันเล็กน้อย ซึ่งก็มักจะได้รับการแก้ไขตามมาในอัปเดตถัดไปอยู่แล้ว
5. ทิปส์และเทคนิค ก่อน-หลัง อัป iOS 18
- แบ็กอัปข้อมูลก่อนเสมอ
แม้จะมีโอกาสน้อยที่จะเกิดปัญหา แต่ก็กันไว้ดีกว่าแก้ ควรทำการแบ็กอัปข้อมูลผ่าน iCloud หรือจะเสียบ iTunes ในคอมก็ได้ เพื่อป้องกันไฟล์หาย หรือรูปภาพสำคัญสูญหาย - ตรวจสอบพื้นที่ว่าง
บางครั้ง iOS อัปเดตต้องใช้พื้นที่ในการดาวน์โหลดและติดตั้ง ควรลบไฟล์/แอปที่ไม่จำเป็นออก หรือย้ายรูปไปเก็บใน Cloud ก่อน - ปรับค่าต่างๆ หลังอัป
หลังอัปเสร็จ บางทีเราควรเข้าไปเช็กใน Settings > Privacy & Security > App Permissions เพื่อดูว่าแอปไหนเข้าถึงอะไรอยู่บ้าง หรือไปตั้งค่า Focus Mode, Notifications ให้เหมาะกับการใช้งานของเรา จะช่วยให้ iOS 18 ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ - ติดตามอัปเดตย่อย
หลังจากอัป iOS 18 ไปแล้ว อย่าลืมเช็กว่า Apple มีอัปเดตย่อย (iOS 18.x) หรือเปล่า เพราะเป็นเวอร์ชันที่คอยแก้ไขบั๊กและเพิ่มความเสถียร
6. อนาคตของ iOS และ Apple Ecosystem
การที่ Apple บอกว่า iOS 18 มีการติดตั้งถึง 68% ของ iPhones แล้ว เป็นสัญญาณที่ดีว่า Ecosystem ของ Apple ยังแข็งแรงมาก ไม่ใช่แค่ iPhone แต่ยังรวมไปถึง iPad, Apple Watch และ Mac ที่สามารถซัพพอร์ตกันได้แบบข้ามอุปกรณ์ ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ต่อนโยบาย Privacy และ Security ของ Apple ยังแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ Apple เองก็คงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง คนใช้ iPhone ส่วนใหญ่ก็รอชมว่า iOS 18.x จะมีฟีเจอร์อะไรอัปเดตอีกหรือไม่ หรือในอนาคต iOS 19 จะมาเมื่อไหร่ จะมีนวัตกรรมอะไรเซอร์ไพรส์อีก เพราะขึ้นชื่อว่า Apple มักจะไม่หยุดนิ่ง แถมยังเป็นเจ้าพ่อด้านซอฟต์แวร์ที่คุมฮาร์ดแวร์เองได้ บางทีการเปิดตัว iPhone รุ่นต่อไปอาจมาพร้อมฟีเจอร์พิเศษเจ๋งๆ แบบที่เราคาดไม่ถึงก็ได้
7. สรุปส่งท้าย
จากที่ Apple ออกมาบอก Engadget ว่า 68% ของ iPhones ทั้งหมดตอนนี้อัปเป็น iOS 18 แล้ว แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของผู้ใช้ iPhone ที่พร้อมจะอัปเดตตามทันทีที่มีระบบใหม่ๆ โผล่มา รวมถึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความเสถียร ฟีเจอร์เด่น และความน่าสนใจของ iOS 18 ที่ดึงดูดให้คนกล้ากดอัปกันเพียบ
สำหรับใครที่ยังลังเล ก็อยากบอกว่าตัว iOS 18 ถือว่าค่อนข้างทำได้ดีในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความไหลลื่น และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากเครื่องเราเก่ามากๆ หรือสภาพไม่พร้อม ก็ลองประเมินสักนิดว่าจะอัปดีไหม เพราะบางทีอาจเจอปัญหาจุกจิกบ้าง แต่โดยรวมแล้วถือเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่น่าใช้อีกตัวหนึ่ง ใครเป็นสาวก Apple หรือ iPhone อยู่แล้วก็ไม่น่าพลาด!
