Apple ปล่อย OS X Mavericks พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลดในช่วงกันยายน ส่วนเวอร์ชันทดสอบสำหรับนักพัฒนาดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ OS X Mavericks โดย OS X Mavericks มีสิ่งที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- Finder Tabs ในส่วนของ Finder จะมาพร้อม Tab ด้านบนเหมือนใน Safari เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน Finder หลายหน้าต่าง (หมดปัญหาเวลาก๊อบปี้ไฟล์งานแล้วต้องเปิด Finder หลายหน้าต่างให้สับสน Tab จะเข้ามาช่วยในส่วนนี้)
- Tags สามารถติดแท็กให้ไฟล์เอกสารต่างๆ ทั้งจากแอปฯ Pages ไฟล์วิดีโอ รูปภาพ เพื่อแยกหมวดหมู่ได้ชัดเจน และการค้นหาเอกสารจะทำได้ง่ายขึ้น
- Multiple Displays ผู้ใช้สามารถใช้ OS X Mavericks บนหลายหน้าจอได้ ซึ่งแตกต่างจากการโคลนหน้าจอปกติตรงที่ Multiple Displays จะทำงานแยกกันชัดเจน เช่นหน้าหนึ่งเปิดแอปฯ และเอกสารหนึ่งอยู่ อีกหน้าหนึ่งสามารถเปิดอีกแอปฯ และขยายแบบ Full Screen ได้ โดยการทำงานทั้งหมดจะแยกออกจากกันและผู้ใช้สามารถสั่งงานได้อย่างอิสระ และการเชื่อมต่อ Multiple Displays สามารถทำผ่าน AirPlay
- Safari จะมีการปรับปรุงหน้าตาของ Sidebar ส่วนของ Bookmarks, Reading List ใหม่ พร้อมผนวกการแชร์ลิงก์ไปยัง Twitter และ LinkedIN และปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ในขณะที่การบริโภคซีพียูจะต่ำลง
- Mailbox มีการปรับปรุงให้รองรับจดหมายสูงสุด 100,000 ฉบับและใช้งานได้รวดเร็วขึ้น
- iBook ใน OS X Mavericks จะมีการเพิ่ม iBook ลงไปแบบเดียวกับบน iOS Device และสามารถเรียกหนังสือมาอ่านข้าม Device กันได้
- Calendar and Maps แผนที่ Apple Maps จะมาปรากฏบน OS X Mavericks สามารถใช้งาน flyover 3D อีกทั้งแผนที่จะมีการผูกกับปฏิทินเพื่อใช้กำหนดสถานที่ในการนัดหมาย รวมถึงตรวจดูสภาพอากาศในวันนัดหมายได้ด้วย
นอกจากนั้น OS X Mavericks ยังบริโภคซีพียูน้อยลงถึง 72% และมีประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น การรวมตัวของ iPhone และ OS X Mavericks ให้กลายเป็นหนึ่ง หลายฟีเจอร์ที่มีใน OS X Mavericks ชี้ให้เห็นว่าถึงยุคที่แอปเปิลจะทำให้ไอโฟนเป็นหนึ่งเดียวกับ OS X อย่างเช่นระบบ Notifications ที่สามารถดึงระบบแจ้งเตือนบนไอโฟนให้มาปรากฏบน OS X Mavericks ผ่าน iCloud ได้ นอกจากนั้นแอปเปิลยังได้เปิดตัวแอปฯ Maps บน OS X Mavericks ที่จะช่วยผู้ใช้สามารถค้นหาสถานที่ผ่าน Apple Maps และซิงค์กับ Maps บน iOS Deivce ได้ผ่าน iCloud iCloud Keychain เป็นจำเปลี่ยนที่โดนงันมาใช้ ในส่วนบริการ iCloud ทางแอปเปิลได้มีการพัฒนาเพิ่มความสามารถใหม่ในชื่อ iCloud Keychain ที่จะช่วยเก็บ Password เว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึงบัตรเครดิตไว้บน iCloud ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ OS X Mavericks จะได้ไม่ต้องจดจำ Password และเผลอลืมอีกต่อไป iWork for iCloud ปรับโฉมใช้ข้ามระบบปฏิบัติการได้ ทางออกสำหรับผู้ใช้งานมาแล้วครับสำหรับ บริการ www.icloud.com กับการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้งในชุด iWork for iCloud (Pages, Keynote, Numbers) ที่ขยายขีดความสามารถในการแก้ไข ปรับแต่ง ใส่เอฟเฟกต์ในเอกสาร รวมไปถึง Upload ไฟล์จาก Mac หรือพีซีเข้ามาไว้บน iWork for iCloud และสามารถทำงานข้ามระบบได้ทั้งจาก Safari ไป IE บน Windows 8 หรือ Google Chrome ก็สามารถใช้งาน iWork for iCloud ได้อย่างไม่มีปัญหา iOS 7 มาถึง iOS7 ที่แอปเปิลการันตีว่านี่คือการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของระบบปฏิบัติการที่อยู่คู่ไอโฟน ไอแพด ไอพอดทัช มาช้านาน ด้วยดีไซน์ใหม่ถอดด้ามที่ถือเป็นการฉีกแนวเดิมของแอปเปิลทั้งหมด ด้วยดีไซน์แบบเรียบง่าย ตัดเรื่องความสมจริงออกและไปเน้นในเรื่องสีสัน Animation ที่ซ้อนกันเป็นเลเยอร์ที่สมูทในแนว Modern และมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ ดังต่อไปนี้
- Control Center โดยผู้ใช้สามารถปรับการปิดเปิด Wi-Fi Bluetooth และระบบอื่นๆ ได้อยากรวดเร็วผ่านเมนูลัด (ทำให้ต่อไปผู้ใช้ไอโฟนไม่จำเป็นต้องเปิด Settings เพื่อเข้าไปเปิด Wi-Fi อีกแล้ว)
- Multitasking แอปฯ ทุกตัวจะสามารถใช้งาน Multitasking แบบใหม่ได้แบบเรียลไทม์ จากเดิมเป็นไอคอนเล็กๆ อยู่ด้านล่างเมื่อกดปุ่ม Home สองครั้ง แต่ Multitasking แบบใหม่จะโชว์เป็นหน้าต่างแอปฯ ที่กำลังทำงาน และผู้ใช้สามารถปัดซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยนแอปฯ ใช้งานได้
- Safari Safari ตัวใหม่จะแสดงผลเป็นแบบ Full Screen มาพร้อม Tab ใช้งานรูปแบบใหม่
- Animation Background Background บน iOS 7 จะสามารถเคลื่อนไหวได้และเป็นแบบ 3 มิติ
- Camera โหมดถ่ายภาพใน iOS 7 จะมาพร้อมฟิลเตอร์ตกแต่งภาพ และ Gallery จะสามารถแบ่งอัลบั้มรูปเป็นแบบช่วงเวลา (สามารถดูได้แบบเดือน-ปี) ตามสถานที่ได้
- AirDrop ใน iOS 7 จะมาพร้อมโหมดแชร์ภาพผ่าน AirDrop ด้วย
- Siri สำหรับสาวนักพูด Siri เองจะมีการปรับอินเตอร์เฟซใหม่หมด และเพิ่มคำสั่งใหม่ๆ รวมไปถึงเสียงที่มีการปรับให้มีความนุ่มนวลเหมือนมนุษย์มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ Siri สามารถใช้งานร่วมกับรถยนต์ได้ผ่านระบบ iOS on the car
- App Store สามารถกรองแอปฯ โดยกำหนดเป็นช่วงอายุได้ และการอัปเดตแอปฯ จะไม่มีการแจ้งเตือนอีกต่อไป เพราะ App Store ตัวใหม่จะอัปเดตแอปฯ ให้อัตโนมัติ
- Music สามารถชมอัลบั้มแบบแนวนอนได้ในลักษณะของตารางหมากรุก
- iTunes Radio กับสถานีวิทยุออนไลน์ที่รวมคลื่นสถานีฟรีๆ ไว้มากมายโดยปราศจากโฆษณา โดยบริการ iTunes Radio จะเปิดให้ทดสอบในสหรัฐอเมริกาก่อน
- FaceTime audio นอกจาก Facetime จะสามารถใช้งานแบบวิดีโอคอลได้แล้ว ใน iOS 7 ผู้ใช้ยังสามารถใช้ Facetime เฉพาะเสียงแบบ VOIP (คล้าย Viber) ได้ด้วย
- Activate Phone ระบบป้องกันการลักขโมยข้อมูลเมื่อเครื่องสูญหายแบบใหม่ ที่จะต้องใช้ล็อกอิน Apple ID ในการปลดล็อกตัวเครื่อง
และสุดท้าย iOS 7 จะเปิดให้ดาวน์โหลดในช่วงเดือนกันยายนบนอุปกรณ์ iPhone 4 หรือสูงกว่า iPad 2 หรือสูงกว่า และ iPad mini ส่วนเวอร์ชันทดสอบสำหรับนักพัฒนาเปิดให้ดาวน์โหลดวันนี้เฉพาะไอโฟน แน่นอนว่าผมเชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังรอ iPhone หรือ iPad รุ่นใหม่ๆ อย่างเช่นกัน และเป็นเวลานานที่เรื่องการอัพเดทเหล่านี้จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่ต้องจับตามองอีกครั้ง! ติดตามไปพร้อมกับครับชาว ไอทีเมามันส์! [code]ที่มา : http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000070056 [/code]