At Eternity’s Gate หรือชื่อภาษาไทย คือ ประตูสู่นิรันดร์ ของ แวน โก๊ะ ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอโดยสตีเวน ไนเฟห์ นักเขียนชีวประวัติของแวน โก๊ะ และเกรกอรี ไวท์ สมิธ
กำกับการแสดงโดย จูเลียน ชนาเบล
ออกฉายในโรงภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอ เรื่องราวในช่วงบั้นปลายชีวิตของวินเซนต์ แวน โก๊ะ (วิลเลม เดโฟ) ขณะพักอยู่ที่เมืองอาร์ลส์ ตอนใต้ของฝรั่งเศสในปลายทศวรรษ 1880 ซึ่งเขาได้เป็นเพื่อนกับปอล โกแก็ง (ออสการ์ ไอแซก) จิตรกรชาวฝรั่งเศสชื่อก้องโลกอีกคน ก่อนที่จะเกิดอาการเสียสติจนเฉือนหูข้างซ้ายของตัวเอง และสุดท้ายเขาก็เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยวัยเพียง37ปี
เรื่องนี้ทำให้ผู้ชมได้แนวความคิดใหม่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา ซึ่งคนส่วนมากตัดสินกันว่า แวน โก๊ะ เสียชีวิตเพราะยิงตัวเองตาย เพราะเขาเกิดอาการคุ้มคลั่ง จากโรคทางจิตเวช
แต่อีกทฤษฎีนึง มีคนเชื่อว่า เขาเสียชีวิต เพราะถูกกลุ่มเด็กชายวัยรุ่นฆาตกรรม
จากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ได้แง่คิดว่า วินเซนต์ แวน โก๊ะ เป็นจิตรกร ที่มีความมุ่งมั่นทำในสิ่งที่เขารักอย่างแท้จริง ถึงแม้ทั้งชีวิตคนจะมองว่า งานของเขาเป็นงานขยะ ในจำนวนผลงานมากมายนี้มีเพียงภาพชื่อ The Red Vines ที่ขายได้เพียงรูปเดียวในราคาเพียง 400 ฟรังก์ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่
แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นไม่ท้อถอย ยังคงสร้างสรรค์ผลงานของเขาต่อไป ทำให้นึกถึง ข้อความที่แวน โก๊ะ เคยเขียนเอาไว้ว่า What would life be if we hadn’t courage to attempt anything? “ชีวิตจะเป็นอย่างไรหากเราไม่มีความกล้าหาญที่จะพยายามทำสิ่งใดก็ตาม”
ซึ่งเป็นประโยคหนึ่งจากจดหมายกว่า 800 ฉบับที่แวนโก๊ะเขียนถึงเธโอ (Theo van Gogh) น้องชายผู้เห็นแววศิลปินในตัวพี่ชายและผลักดันให้ แวนโก๊ะ ทำงานศิลปะ ตลอดจนเป็นผู้อุปถัมภ์พี่ชายตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
จดหมายลับของ แวนโก๊ะ กำลังใจ และความบิดเบี้ยวของชีวิตรันทดใน Van Gogh. Life and Art
https://en.m.wikipedia.org/wiki/At_Eternity’s_Gate_(film)