ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่ารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่บริการดีแบบนี้เล็งเห็นประเทศไทยเราเป็นหนึ่งในที่ตั้ง เพราะเรียนแจ้งชาวไอทีเมามันส์โดยตรงเลยว่าเว็บไซต์แห่งนี้ก็ใช้บริการ CloudFlare อยู่เช่นกัน และผลจากการใช้งานก็มีความพึงพอใจเป็นอย่างมากครับ สนับสนุนให้มีบริการดีๆแบบนี้ต่อไป ใครสนใจทดสอบเอาเว็บมาใช้งาน CloudFlare ก็ทดสอบกันได้ครับ ที่สำคัญฟรีด้วย.. เอาล่ะมาว่ากันถึงเรื่อง Data Center แห่งที่ 79 ในประเทศไทยกันดีกว่าครับ..
ล่าสุดจากข้อมูลในบล็อกของทางเว็บไซต์ CloudFlare เองได้ระบุว่า ณ ตอนนี้ได้เปิด Data Center แห่งที่ 79 อย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศไทย โดย CloudFlare นั้นเล็งเห็นว่ามีผู้ใช้งานมากถึง 70% ที่เชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์พกพา ทำให้การเข้ารหัสด้วยการใช้ ChaCha20-Poly1305 Cipher Suites ของ CloudFlare นั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเทคโนโลยี HTTP/2 Server Push เองก็จะช่วยให้การเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย แม้ว่าจะมีประชากรเพียง 40% เท่านั้นที่เล่นอินเตอร์เน็ตก็ตามที โดยที่การเปิด Data Center ที่ประเทศไทยนั้นยังเป็นแห่งที่ 32 ในเอเชียอีกด้วย
และทาง CloudFlare ได้เลือกผู้ให้บริการ Provider ในประเทศไทยสำหรับวางเครื่อง Server สำหรับประมวลผลและตั้งเป็น Data Center ไว้ที่ บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JasTel) ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และอินเทอร์เน็ตในประเทศและระหว่างประเทศ เป็นบริษัทในเครือ บริษัทจัสมิน อินเตอชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) หรือผู้ห้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านรายใหญ่ในชื่อว่า 3BB นั้นล่ะครับ
ผลที่ได้จากการวาง Data Center ในประเทศไทยนั้นจะทำให้ผู้ใช้งานเดิมที่ใช้งานโดยถูกส่ง Traffic ไปสิงคโปร์และฮ่องกงทั้งหมดจะถูกโอนย้ายมาที่ประเทศไทยแทน และจะทำให้เข้าใช้งานได้เร็วขึ้นไม่ต้องไปเรียกข้อมูลจากประเทศที่ไกลออกไป..
CloudFlare คืออะไร?
สำหรับใครที่ยังงงว่า CloudFlare นั้นคืออะไร ผมขออธิบายสั่นๆว่า CloudFlare จะให้บริการ Domain Name Server คล้ายๆ OpenDNS นั่นละครับ ที่จะจัดการ Name Server ให้เราซึ่งตัว คลาวแฟร์ ตัวนี้จะดีกว่าตรงที่ จะช่วยปกป้องเว็บไซต์เรา และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงของเว็บไซต์ของเราครับ ด้วย CDN : Content Delivery Network ที่กระจายอยู่ทั่วโลก โดย CDN นั้นช่วยทำให้การเข้าถึงเว็บนั้นเร็วขึ้น และช่วยประหยัด BW : Bandwidth ของเว็บไซต์ไปด้วยในการโหลดซ้ำ อีกทั้งเวลาที่เว็บไซต์จริง ล่มหรือมีปัญหาของ Server ถ้าเราใช้บริการ CloudFlare นั้นเราชี้ Name Server ไปที่ NS ของ CloudFlare ซึ่งเขาจะเซฟ Cache เว็บหน้าล่าสุดไว้ ทำให้เว็บจริงล่ม แต่เว็บไม่เป็นหน้าขาวๆ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรอย่างเก่า แถมยังตั้งค่าป้องกันการโจมตี Server และยังมีบริการ SSL ให้ใช้งานฟรีอีกด้วยยังไม่พอ ยังมีข้อมูลสถิติให้ดูอีก อะไรจะเยี่ยมขนาดนี้ว่าไหม?
Reference
- Bangkok, Thailand: CloudFlare’s 79th Data Center at cloudflare