นายเออิจิ คาโตะ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าวถึงตลาดเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง ทำให้เอปสันมองว่าจะเป็นตลาดที่มีความสำคัญในอนาคตเมื่อมีการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) โดยปัจจุบันเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 7-8% จากรายได้รวมของเอปสันที่ 2.5 พันล้านบาท “เอปสันได้นำนวัตกรรมหัวพิมพ์อย่างไมโคร ปิเอโซ เข้ามาใช้ในเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ ทำให้ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และคุณภาพของงานพิมพ์ได้มากขึ้น และเชื่อว่าจากความสามารถของหัวพิมพ์ที่คิดค้นขึ้นกับผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จะช่วยผลักดันให้ตลาดนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น” สำหรับเครื่องพิมพ์หน้ากว้างรุ่นใหม่ทั้ง 8 รุ่นที่เอปสันจะนำมารุกในตลาดธุรกิจป้ายโฆษณากลางแจ้ง หน่วยงานราชการ ดิจิตอลแล็บ และอุตสาหกรรมการพิมพ์แพกเกจจิ้งและลาเบล ประกอบไปด้วย Epson SureColor S ซีรีส์ 3 รุ่น สำหรับธุรกิจผลิตป้ายโฆษณากลางแจ้ง Epson SureColor T ซีรีส์ 3 รุ่นที่ใช้ผลิตงานจำลอง 3 มิติ ประเภท CAD และ GIS Epson SureLab SL-D3000 ในการผลิตพรีเพรส และภาพถ่าย สุดท้าย EpsonSurePress L-4033AW ในการพิมพ์ฉลากสินค้า นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป เอปสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดการพิมพ์ในเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วจากเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นใหม่เรื่อยๆ โดยเฉพาะในส่วนของการพิมพ์ฉลากที่มีมูลค่าตลาด 2 แสนล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 25-30% ต่อเนื่อง ซึ่งถ้ารวมทั้งธุรกิจการพิมพ์จะมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนล้านบาท ขณะที่ขนาดตลาดของเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 500-600 ล้านบาท โดยเอปสันได้แบ่งตลาดสำหรับธุรกิจเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมออกเป็น 3 กลุ่มย่อย คือ ตลาดกราฟิก อาร์ต ที่มีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ 70% จากยอดขายกว่า 120 ล้านบาท โดยในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตในส่วนนี้ราว 8% หรือเพิ่มยอดขายอีก 10 ล้านบาท ส่วนตลาดอุตสาหกรรม จากเดิมที่มียอดขาย 15 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่ง 10% และจากผลิตภัณฑ์ใหม่จะช่วยเพิ่มยอดขายมากกว่า 50% หรือเพิ่มเป็นยอดขาย 25 ล้านบาท สุดท้ายธุรกิจป้ายโฆษณาที่มีมูลค่าตลาดรวมราว 200 ล้านบาท ซึ่งเอปสันคาดว่าในสิ้นปีจะทำรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท รวมแล้วภายในสิ้นปีจะมีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ราว 30% และจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในทุกๆ ตลาดภายใน 3 ปี “เอปสันเชื่อว่าภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้างยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิด AEC ทำให้หลายบริษัทเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจ ทำให้เชื่อว่ายอดขายในส่วนนี้จะเติบโตราว 30% หรือราว 170 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 135 ล้านบาท และเชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ถึงปี 2558 ที่เปิด AEC ได้”