เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ระดับปรากฏการณ์สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงคอนเทนต์ภาพและสื่อดิจิทัล เพราะสองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Getty Images และ Shutterstock ได้ออกมาประกาศถึงการควบรวมกิจการ (Merge) อย่างเป็นทางการ ซึ่งการผนึกกำลังครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองแบรนด์กลายเป็น “Premier Visual Content Company” หรือบริษัทคอนเทนต์ภาพและสื่อตัวท็อปที่พร้อมเสิร์ฟภาพสต๊อก วิดีโอ คลิปสั้น รวมถึงสื่อครีเอทีฟแบบล้ำ ๆ แก่ผู้ใช้งานทั่วโลกแบบครบวงจร
หลายคนอาจกำลังตั้งคำถามว่า “แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?” “เราจะได้ประโยชน์หรือผลกระทบอะไรกันบ้าง?” วันนี้เราจะมานั่งเมาท์กันสบาย ๆ ในสไตล์บ้าน ๆ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมของดีลนี้ รวมถึงลองเดา ๆ แนวโน้มในอนาคตว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการครีเอทีฟและการตลาดออนไลน์ขนาดไหน
1. ทำไมการควบรวมกิจการระหว่าง Getty Images และ Shutterstock ถึงน่าตื่นเต้น
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่า Getty Images และ Shutterstock เป็นสองผู้ให้บริการภาพสต๊อกและคอนเทนต์ดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลก อย่าง Getty Images นั้นเก่าแก่และเป็นเจ้าตลาดสายภาพระดับพรีเมียมมานาน มีภาพข่าว ภาพอีเวนต์กีฬาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และภาพสต๊อกเกรดสูงหลายสิบล้านไฟล์ ในขณะที่ Shutterstock เองก็ไม่ได้ยอมน้อยหน้า เพราะมีแพลตฟอร์มที่ใช้ง่าย ราคาย่อมเยา มีภาพและฟุตเทจในคลังตั้งแต่เรื่องเบสิคชวนยิ้ม ไปจนถึงงานอินโฟกราฟิกสุดครีเอทีฟ
การรวมตัวของสองค่ายยักษ์นี้จึงไม่ใช่แค่การแค่เสริมฐานลูกค้าให้ใหญ่ขึ้น แต่ยังเป็นการหลอมรวมจุดแข็งของทั้งสองบริษัทเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
- คุณภาพและความหลากหลายของภาพ ที่มาจากคอลเลกชันของ Getty Images ผสมกับ Shutterstock
- แพลตฟอร์มการใช้งาน ซึ่ง Shutterstock มีชื่อเรื่องการค้นหาและดาวน์โหลดที่ง่ายและเร็ว
- ฟีเจอร์การตลาดและโฆษณา ซึ่ง Getty Images เองก็ทำได้ดีผ่านพันธมิตรสื่อต่าง ๆ ทั่วโลก
แค่ฟังรวม ๆ ก็น่าสนใจแล้วว่า เมื่อแบรนด์ยักษ์สองแบรนด์มารวมกัน สเกลการให้บริการจะขนาดไหน และจะช่วยให้ตลาดคอนเทนต์ภาพโตมากขึ้นได้อย่างไร
2. การเปลี่ยนแปลงของวงการครีเอทีฟและผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
เวลามีการควบรวมบริษัทใหญ่ ๆ สิ่งที่หลายคนกังวลก็คือเรื่อง “ความเปลี่ยนแปลง” โดยเฉพาะผู้ใช้งานปัจจุบันที่คุ้นเคยกับบริการเดิม ๆ เช่น เจ้าของบล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว ฟรีแลนซ์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ สตูดิโอโฆษณา โปรดักชันเฮ้าส์ ไปจนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ต้องซื้อลิขสิทธิ์ภาพและฟุตเทจปริมาณมาก ๆ เป็นประจำ
- ราคาและแพ็กเกจ
- โอกาสที่ราคาอาจเปลี่ยนไปมีอยู่พอสมควร เพราะเมื่อสองบริษัทที่เป็นคู่แข่งหลัก ๆ มารวมกัน ก็มีแนวโน้มที่จะปรับราคา หรืออาจจะสร้างแพ็กเกจใหม่แบบ “All-in-One” ที่ให้เข้าถึงภาพและคอนเทนต์ทั้งหมดในคลังได้ง่ายขึ้น
- อย่างไรก็ตาม ในเชิงบวก เราอาจเห็นโปรโมชันหรือแพ็กเกจคุ้มค่ากว่าเดิม เพราะเมื่อบริษัทใหญ่ขึ้นก็อาจลดต้นทุนบางส่วน และทำให้ราคาต่ำลงเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
- คุณภาพและจำนวนของไฟล์
- เมื่อ Getty Images และ Shutterstock รวมคอนเทนต์เข้าด้วยกัน เราก็จะได้คลังภาพที่ใหญ่และหลากหลายมากกว่าเดิม บางทีอาจมีภาพเฉพาะทางหาดูยาก หรือภาพเหตุการณ์ข่าวและกีฬาที่ Getty Images ได้สิทธิพิเศษ
- ไม่ว่าจะเป็นภาพคน วิวธรรมชาติ หรือฟุตเทจสวย ๆ สำหรับโปรโมตสินค้า เราก็อาจค้นหาได้ในที่เดียวกันแบบครบจบ
- ฟีเจอร์ใหม่ ๆ และเทคโนโลยี AI
- ในยุคที่ AI มาแรง ไม่ว่าจะเป็น AI ช่วยคัดเลือกภาพที่เหมาะกับแบรนด์ หรือ AI ช่วยแก้ไขภาพแบบอัตโนมัติ เชื่อว่าแพลตฟอร์มใหม่ที่เกิดจากการควบรวม อาจจะใส่เทคโนโลยีล้ำ ๆ มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันในอนาคต
- ลองจินตนาการดูว่าถ้าเราพิมพ์คำสั่งว่า “ขอรูปมูดแอนด์โทนแบบอบอุ่นของครอบครัวสไตล์มินิมอลที่สวนหลังบ้าน” ระบบ AI ก็อาจจัดการค้นหาหรืออาจ Generate ภาพเพิ่มให้ตามที่เราต้องการเลยก็ได้
- ข้อกังวลด้านลิขสิทธิ์
- การรวมกันของสองบริษัทน่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามและจัดการลิขสิทธิ์ของไฟล์มากขึ้น เพราะมีระบบหลังบ้านที่ใหญ่และเป็นหนึ่งเดียวกัน
- ฝั่งครีเอเตอร์ที่ขายภาพบนแพลตฟอร์มอาจมีโอกาสได้รายได้มากขึ้น (เพราะคนใช้งานเยอะ) แต่ในขณะเดียวกันก็อาจต้องปรับตัวกับกฎกติกาใหม่ที่บริษัทใหญ่ตั้งขึ้น
3. มุมมองสำหรับนักการตลาดและธุรกิจ
หากมองในแง่ธุรกิจ เมื่อผู้เล่นเจ้าตลาดจับมือกันแบบนี้ ย่อมมีนัยยะที่ใหญ่มาก ต่อไปนี้คือสิ่งที่น่าสนใจ:
- การเป็นโซลูชันครบวงจร (One-Stop Shop)
- หลังการควบรวม เราอาจจะได้เห็นบริการเสริมที่ไม่ใช่แค่การขายภาพอย่างเดียว แต่มีการขายฟุตเทจ วิดีโอ เพลงประกอบ ไปจนถึงเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ รวมถึง Tools ต่าง ๆ สำหรับแบรนด์และเอเจนซี
- นี่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักการตลาด เพราะไม่ต้องไปหาซื้อสื่อจากหลายที่ให้ยุ่งยาก
- การทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่น
- ปัจจุบัน Shutterstock และ Getty Images ต่างก็มี API ที่เปิดให้เชื่อมต่อกับเว็บและแอปต่าง ๆ สังเกตได้จากเวลาที่เราใช้งาน Canva หรือแพลตฟอร์มออกแบบเจ้าอื่น จะมีตัวเลือกให้ค้นหาภาพสต๊อกแบบฝังตัวได้เลย
- การควบรวมครั้งนี้อาจทำให้การผสานการทำงานกับแพลตฟอร์มอื่นแข็งแรงขึ้น ทั้งในเรื่องฟังก์ชัน เชื่อมโยงข้อมูล ตลอดจนการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีอื่น
- ความได้เปรียบของผู้ใช้งาน SME
- ธุรกิจขนาดเล็กหรือกลางที่ไม่ได้มีงบประมาณมาก ๆ อาจได้ประโยชน์จากการเข้าถึงคลังคอนเทนต์ขนาดใหญ่ในราคาประหยัด (ถ้าทางบริษัทมีการออกแพ็กเกจเฉพาะกลุ่ม) หรือมีโปรโมชันเจาะตลาดใหม่
- นอกจากนี้ ยังอาจมีฟีเจอร์พิเศษ เช่น เครื่องมือแก้ไขหรือปรับแต่งรูปที่ใช้งานง่ายกว่าเดิม เสริมด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อช่วยทำให้ SME ทำคอนเทนต์ดี ๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
4. แอบจับตาเรื่องการแข่งขันและโอกาสของผู้เล่นรายอื่น
ในสนามธุรกิจภาพสต๊อก ยังมีผู้เล่นรายอื่น ๆ อย่าง Adobe Stock, iStock (ซึ่งเดิมก็เป็นบริษัทลูกของ Getty Images), Alamy, Depositphotos ฯลฯ ที่อาจต้องปรับยุทธศาสตร์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อมี “Big Player” ร่วมกันกำหนดมาตรฐานของตลาด ก็ส่งผลให้ผู้เล่นรายย่อยอาจต้องเร่งหาจุดขายใหม่เพื่อสร้างเอกลักษณ์ เช่น:
- ชูจุดเด่นภาพแนวครีเอทีฟแบบไม่ซ้ำใคร
- ขยายตลาดไปยังกลุ่มเฉพาะ (Niche Market) อย่างภาพแนววัฒนธรรมท้องถิ่น หรือภาพที่ถ่ายด้วยเทคนิคพิเศษ
- พัฒนาแพลตฟอร์มให้มีลูกเล่น หรือจับมือกับเทคโนโลยี AI ให้แปลกใหม่กว่า
อีกประเด็นที่น่าลุ้นก็คือ บางบริษัทอาจจับมือพันธมิตรใหม่เพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น หรือไม่แน่อาจมีการควบรวมครั้งใหญ่ครั้งใหม่ก็ได้ ใครจะไปรู้ วงการนี้มักมีอะไรเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ
5. อนาคตของคอนเทนต์ภาพ: AI และความคิดสร้างสรรค์
แน่นอนว่าการควบรวมของ Getty Images และ Shutterstock เป็นเพียงส่วนหนึ่งในวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ภาพ แต่ยังมีเทรนด์อีกหลายอย่างที่กำลังมาแรงและน่าจับตา:
- AI-Generated Content
- ต่อไปเราอาจเห็นภาพหรือวิดีโอที่ AI สร้างขึ้นมาใหม่ ผสมผสานกับคอนเทนต์ที่มนุษย์สร้าง ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์หลากหลายมากยิ่งขึ้น
- การปรับตัวของตลาดสต๊อกภาพอาจต้องออกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของ AI-Generated Content ว่าท้ายที่สุดใครเป็นเจ้าของ?
- VR, AR และ Immersive Content
- ตอนนี้อาจยังดูไกลตัว แต่ในอนาคตหากมีการพัฒนาเทคโนโลยี VR/AR ให้ใช้งานง่ายขึ้นและต้นทุนถูกลง เราอาจเห็นสต๊อกภาพที่ไม่ใช่แค่ 2D หรือ 3D แต่เป็นประสบการณ์อินเทอร์แอคทีฟ
- นักการตลาดก็อาจต้องปรับกลยุทธ์ไปใช้คอนเทนต์แบบใหม่เหล่านี้เพื่อสร้างความโดดเด่นให้แบรนด์
- การปรับตัวของครีเอเตอร์
- เมื่อมีบริษัทยักษ์ใหญ่รวมกันแล้ว ผู้ที่เป็นช่างภาพ ศิลปิน นักออกแบบ ที่เคยฝากผลงานไว้ในแพลตฟอร์มเดิม ๆ อาจจำเป็นต้องศึกษาเงื่อนไขใหม่เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการสร้างรายได้
- ในอีกมุมหนึ่ง ก็อาจเป็นโอกาสที่จะได้เผยแพร่ผลงานสู่สายตาผู้ซื้อทั่วโลกมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฐานลูกค้ารวมกันของ Getty Images และ Shutterstock ถือว่าใหญ่เอาเรื่อง
6. สรุป: จะรอดูทิศทางที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน
การควบรวมของ Getty Images และ Shutterstock กลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก เพราะถ้ามองในแง่จำนวนและคุณภาพของคอนเทนต์ที่ทั้งสองแบรนด์มีอยู่แล้ว รวมถึงชื่อเสียงที่แต่ละแบรนด์สั่งสมมาอย่างยาวนาน ยิ่งทำให้ดีลครั้งนี้ดูเป็นการสร้าง “Super Stock Agency” ที่พร้อมรองรับทุกความต้องการจริง ๆ
ในมุมของผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจ แน่นอนว่าต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงด้านราคา เงื่อนไขการใช้งาน หรือแพ็กเกจใหม่ ๆ แต่ขณะเดียวกันก็น่าตื่นเต้นว่ามันจะเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ เช่น ฟีเจอร์ล้ำสมัย เครื่องมือค้นหาด้วย AI แบบครบครัน และคลังภาพ-ฟุตเทจที่ใหญ่จุใจ ในที่เดียว
ส่วนในภาพรวมของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ภาพ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังเติบโตไปอีกขั้น เพราะผู้เล่นรายใหญ่เหล่านี้กำลังรีบปรับตัวทั้งในแง่เทคโนโลยี นวัตกรรมทางความคิด และโมเดลการทำธุรกิจ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าทั่วโลกที่หิวโหยคอนเทนต์คุณภาพสูง สวยงาม และถูกลิขสิทธิ์มากยิ่งขึ้น
ที่เหลือก็ต้องรอดูว่ามันจะรุ่งโรจน์แค่ไหน หรือจะมีผู้ท้าชิงรายใหม่โผล่มาอีกหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ดีลนี้ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่บอกเราว่า อุตสาหกรรมภาพสต๊อกกำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
“ไม่ว่าคุณจะเป็นครีเอเตอร์ นักการตลาด หรือแค่คนชอบเลื่อนดูภาพสวย ๆ ดีล Getty Images และ Shutterstock กำลังจะสร้างประสบการณ์ใหม่ที่น่าทึ่งให้กับโลกคอนเทนต์อย่างแน่นอน”