สภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมโหฬาร ส่งผลกระทบไปทั่วโลกไม่เว้นประเทศไทยเรา ชาติใดที่ไม่รู้จักปรับตัวก็จะได้รับความเดือดร้อนในทุกๆ ด้าน ด้วยเหตุนี้ ล่าสุดทาง GISTDA ก็ได้เปิดตัว AIP จำลองสถานการณ์ Climate Change ได้ทั้งประเทศเพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจก็ให้เกิดภัยธรรมชาติที่สร้างความเดือดร้อนกับประชาชน รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย
สรุปข้อมูลและรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ดังนี้
- ล่าสุดทาง GISTDA หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จัดงานสัมมนา “Empowering Policy Makers with Spatial intelligence” เปิดตัวนวัตกรรม AIP ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่จะมาช่วยสนับสนุนผู้กำหนดนโยบายในทุกระดับ เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์และประมวลผลสำหรับการแก้ปัญหาในพื้นที่
-
โดยทาง GISTDA เผยว่านวัตกรรม AIP พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา THEOS-2 โดยมีพื้นที่นำร่อง 2 พื้นที่ คือ EEC และจังหวัดน่าน ซึ่ง AIP ไม่ได้เป็นเพียงระบบแสดงข้อมูลแผนที่ แต่เป็น Platform ในการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียม ข้อมูลภูมิสารสนเทศ ตลอดจนเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อสนับสนุนผู้กำหนดนโยบายและหน่วยปฏิบัติในการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ในด้านต่างๆ ที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
-
โดยเฉพาะด้านการเกษตร ด้านน้ำ ด้านภัยพิบัติ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและการจัดการเมือง ซึ่ง AIP จะทำให้ผู้กำหนดนโยบายมองเห็นถึงสถานการณ์และมิติของปัญหาในพื้นที่ต่างๆ ผ่านการสร้างดัชนีชี้วัดที่จะจำลองสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและผลกระทบ รวมถึงสามารถเลือกแผนการรับมือที่เหมาะสมและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทั้งนี้นวัตกรรม AIP ณ ปัจจุบัน ได้ขยายขอบเขตการดำเนินงานไปสู่การจำลองสถานการณ์ Climate Change ทั้งประเทศอีกด้วย
-
GISTDA ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร 7 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมการข้าว สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมอุตุนิยมวิทยา มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ในการประยุกต์ใช้ AIP เพื่อผลักดันนโยบายด้านการเกษตรที่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยลดความเสียหายและเพิ่มศักยภาพในการปรับตัวของเกษตรกรในประเทศไทย
-
นอกจากนี้ AIP จะเป็นเครื่องมือที่ยกระดับการกำหนดนโยบายของประเทศไทย ช่วยสร้างนโยบายจากข้อเท็จจริงและหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ ทำให้สามารถกำหนดนโยบายที่สอดคล้องกับศักยภาพและบริบทของพื้นที่อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น
-
ในงานได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมากกว่า 20 หน่วยงานเข้าร่วม และยังได้มีการเปิดเผยถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้นำร่อง โดยมี สทนช. เป็นแกนนำในการกำหนดนโยบายด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศ นอกจากนี้ สทนช. ยังเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะนำ AIP ไปใช้งานในการบริหารจัดการน้ำโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องของการพัฒนา AIP อีกด้วย
และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในแวดวงวิทยาศาสตร์บ้านเราที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกคน และหากมีความคืบหน้าประการใดเกี่ยวกับโครงการนี้อีก เราจะรีบมาอัพเดทให้ทุกท่านได้ทราบก่อนใครทันที