Thursday, January 30, 2025
28.9 C
Bangkok

Google Gemini: บัตเลอร์อัจฉริยะประจำบ้านของคุณ

ถ้าพูดถึงโลกยุคใหม่ที่ทุกอย่างเชื่อมต่อด้วย AI และเทคโนโลยีอัจฉริยะ เราคงหนีไม่พ้นการปรับบ้านให้กลายเป็น “สมาร์ทโฮม” กันใช่ไหมล่ะ? หลายคนมี Google Home หรืออาจใช้ Google Assistant ในชีวิตประจำวันกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้เปิดเพลง เปิดไฟ หรือเช็กสภาพอากาศ แต่ตอนนี้ Google เหมือนกำลังจะก้าวไปอีกขั้นกับโปรเจกต์ใหม่ที่มีชื่อว่า Google Gemini ซึ่งหลายคนก็เริ่มพูดถึงกันยกใหญ่ หลายสื่อบอกว่า Google Gemini กำลังจะกลายเป็น “บัตเลอร์อัจฉริยะ” ที่จะมาช่วยบริหารจัดการทุกอย่างในบ้านเราแบบเบ็ดเสร็จ เหมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้ใจเราแบบสุด ๆ

ฟังดูแล้วก็เหมือนเป็นเรื่อง sci-fi ใช่ไหม? แต่ในวันที่ AI กำลังมาแรงแบบนี้ ไม่มีอะไรเกินจริงไปได้หรอก เพราะแค่ตอนนี้เราก็มีเทคโนโลยีที่โต้ตอบได้อย่าง Google Assistant หรือ ChatGPT ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองมาแล้ว คำถามคือ Google Gemini จะต่างไปยังไง? และจริง ๆ แล้วมันทำอะไรได้บ้าง? เรามาลองอ่านกันเพลิน ๆ ในสไตล์ไม่เป็นทางการ แต่ให้เข้าใจชัด ๆ กันไปเลย


Google Gemini คืออะไรกันแน่?

Google Gemini เป็นเหมือนโปรเจกต์ AI ใหม่ของ Google ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นมากกว่าแค่ผู้ช่วยถาม-ตอบแบบทั่ว ๆ ไป เพราะมีการคาดการณ์กันว่า Google จะใช้เทคโนโลยี Machine Learning และโมเดลภาษาขั้นสูง (Large Language Model) เจนใหม่ ซึ่งจะดีกว่า (หรือไม่ก็ทัดเทียม) กับเทคโนโลยีที่ใช้ใน Bard หรือ ChatGPT เลยล่ะ

จุดแตกต่างหลัก ๆ ที่คาดเดาได้ก็คือ Google Gemini อาจถูกบรรจุความสามารถที่เข้าใจ “บริบท” หรือ “Context” ของผู้ใช้ได้ละเอียดมากขึ้น เช่น ถ้าคุณอยู่ในบ้าน สภาพแวดล้อมเป็นแบบไหน อุปกรณ์ IoT ในบ้านคุณมีอะไรบ้าง คุณชอบทำกิจวัตรอะไรในแต่ละวัน ฯลฯ มันจะเรียนรู้และปรับตัวเอง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของคุณได้แบบเฉพาะตัวสุด ๆ


ทำไมถึงเรียกว่า “บัตเลอร์อัจฉริยะประจำบ้าน”?

สมัยนี้ถ้าพูดถึง “Smart Home” เรามักจะมีหลายอุปกรณ์แยกกันไป เช่น Nest Thermostat ควบคุมอุณหภูมิ, Nest Doorbell แจ้งเตือนคนมาหน้าประตู, ลำโพง Google Nest สำหรับสั่งงานด้วยเสียง, หลอดไฟอัจฉริยะยี่ห้ออื่น ๆ, กล้องวงจรปิด, ทีวี, เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ บางครั้งเราก็ต้องสลับแอปหรือสลับแพลตฟอร์ม สั่งงานผ่านคำสั่งเสียงหรือผ่านแอปไปมา แต่ถ้า Google Gemini เป็นตัวกลาง “คอยจัดการ” ให้กับทุกอุปกรณ์ได้ล่ะ? มันก็จะคล้าย ๆ บัตเลอร์ในหนัง ที่รู้ทุกอย่างว่าบ้านเราเป็นยังไง และคอยจัดแจงให้ตามที่เราต้องการโดยไม่ต้องสั่งซ้ำให้วุ่นวาย

ยกตัวอย่างง่าย ๆ คุณอาจจะพูดแค่ประโยคเดียวก่อนนอนว่า “Hey Google, จัดการให้เรียบร้อย ฉันจะไปนอนแล้ว” แล้ว Google Gemini ก็จะรู้เลยว่า คุณชอบให้ไฟในห้องนอนหรี่ลงเหลือ 30% ชอบให้เปิดเครื่องฟอกอากาศไว้ ทำอุณหภูมิให้คงที่ 25 องศา ส่วนพื้นที่อื่นในบ้านก็ควรปิดไฟหมด ปิดทีวี หรือเปิดกล้องรักษาความปลอดภัยไว้พร้อม โคตรสะดวกเลยใช่ไหมล่ะ?


ความฉลาดที่คาดว่าจะเหนือกว่า

จากข้อมูลที่หลาย ๆ สื่ออย่าง TechRadar ได้บอกไว้ (รวมถึงข่าววงในอื่น ๆ) Google Gemini อาจถอดบทเรียนจาก Google Assistant และ Bard ด้วยการพัฒนาให้ AI “เรียนรู้จากการใช้งานจริง” ได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่การประมวลผลประโยคคำสั่ง แต่มันยังจะจดจำพฤติกรรมและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น

  1. วิเคราะห์ช่วงเวลา
    • รู้ว่าคุณตื่นกี่โมง นอนกี่โมง และช่วงเวลาไหนที่คุณใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุด มันอาจแนะนำให้คุณปิดอุปกรณ์บางอย่างในช่วงที่ไม่จำเป็น เพื่อประหยัดค่าไฟ หรืออาจเตือนให้คุณชาร์จรถ EV ในช่วงที่ค่าไฟถูก (ถ้าบ้านเรามีระบบ Time of Use)
  2. เรียนรู้ความชอบ
    • คุณชอบฟังเพลงแนวไหน หรือชอบดูซีรีส์อะไร มันอาจเปิดเพลงเพราะ ๆ แนวโปรดคุณตั้งแต่เช้า หรือแนะนำภาพยนตร์ใหม่ผ่าน Smart TV ในช่วงวันหยุด บางทีถ้าคุณมักจะสั่งอาหารเดลิเวอรี่มาในวันศุกร์ มันก็อาจสั่งล่วงหน้าให้คุณได้แบบอัตโนมัติถ้าคุณอนุมัติ
  3. ปรับให้เข้ากับสถานการณ์
    • ถ้าวันนี้อากาศร้อนจัด Google Gemini อาจสั่งเปิดเครื่องปรับอากาศไว้นิดหน่อยก่อนที่คุณจะกลับบ้าน เพื่อให้ห้องเย็นกำลังดี หรือถ้าเกิดมีฝนตก Google Gemini อาจแจ้งเตือนและสั่งปิดหน้าต่างอัตโนมัติ (ถ้าบ้านคุณใช้บานหน้าต่างแบบอัจฉริยะนะ)

นี่คือตัวอย่างคร่าว ๆ ที่ช่วยให้เห็นภาพว่า AI มันจะฉลาดขึ้นเยอะแค่ไหนในแง่ของการ “คาดเดา” และ “วางแผน” ชีวิตประจำวันให้เรา


เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้ครบวงจร

หลายคนที่เป็นสายสมาร์ทโฮมน่าจะมีอุปกรณ์หลากหลายยี่ห้อ บางอันก็เชื่อมกับ Alexa ได้ บางอันก็เชื่อมกับ Google Home ได้ บางอันรองรับแค่ HomeKit ของ Apple แต่อนาคต Google Gemini น่าจะรองรับการเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มได้มากขึ้น เพราะ Google เองก็เริ่มสนับสนุนโปรโตคอลสมาร์ทโฮมอย่าง Matter ที่สร้างมาเพื่อให้ทุกอุปกรณ์ทำงานร่วมกันได้ง่าย ๆ

ลองจินตนาการว่า ถ้าคุณมีหลอดไฟอัจฉริยะที่ใช้กับ Amazon Alexa แต่ก็มีอุปกรณ์อื่น ๆ อีกเยอะที่ใช้กับ Google Home คุณไม่ต้องปวดหัวคอยสลับผู้ช่วยแล้ว เพราะ Google Gemini จะกลายเป็นตัวกลาง ที่เข้าใจภาษาของทุกอุปกรณ์ แล้วผสานรวมให้มันคุยกันได้อย่างลื่นไหล คราวนี้เราก็แค่คุยกับ Google Gemini ที่เดียวจบ


ความแตกต่างจาก Google Assistant เดิม

เราอาจสงสัยว่า “แล้ว Google Gemini ต่างจาก Google Assistant ยังไง?” ถ้าดูจากแนวโน้ม AI ปัจจุบัน Google Assistant คือระบบผู้ช่วยเสียงที่ทำงานตามคำสั่งเป็นหลัก เช่น “Hey Google, เล่นเพลงให้ฟังหน่อย” หรือ “Hey Google, เปิดไฟห้องนั่งเล่น” เป็นการโต้ตอบพื้นฐาน แต่ Google Gemini จะทำงานในระดับ “เชิงบริบท” และ “คาดการณ์ล่วงหน้า” ได้มากกว่า ไม่ใช่แค่รอรับคำสั่ง แต่จะวิเคราะห์เหตุการณ์รอบตัว เพื่อเสนอตัวช่วยเหลือ หรือดำเนินการให้เองโดยที่เรายังไม่ต้องสั่ง

มันอาจทำนองว่า มันรู้ว่าคุณแวะซูเปอร์มาร์เก็ตมาแล้วลืมซื้อขนมแมวเหมียวตามที่ปกติซื้อทุก ๆ สัปดาห์ มันก็อาจเด้งเตือนขึ้นมาเองว่า “อยากให้ฉันสั่งขนมแมวเหมียวแทนไหม?” หรือถ้าคุณมีแผนประชุมตอน 9 โมงเช้า มันอาจจะจัดการเปิด Zoom (หรือ Google Meet) เตรียมพร้อม ไฟในห้องก็ปรับสว่างให้เหมาะสม กล้องเว็บแคมก็ปรับมุมภาพให้อัตโนมัติ อะไรเทือกนี้เป็นต้น


ข้อมูลอัปเดตและความเคลื่อนไหว

ณ ตอนนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับ Google Gemini ยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการเท่าไร Google เองก็น่าจะกำลังพัฒนาอย่างหนักเพื่อแข่งกับ AI อื่น ๆ ในตลาด อย่าง ChatGPT ของ OpenAI หรือระบบต่าง ๆ ของ Microsoft แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า Google จะเปิดตัวอย่างอลังการ เพราะฝั่ง AI ถือเป็นหนึ่งในสมรภูมิใหญ่ที่ Google ไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ

บางข่าวลือบอกว่า Google อาจผสาน Google Gemini เข้ากับ Google Pixel รุ่นต่อ ๆ ไปด้วย เช่น Google Pixel Tablet หรือ Pixel Phone ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฮมได้ผ่านมือถือและแท็บเล็ตในมือได้ง่ายขึ้น และคาดว่า Google อาจนำ Google Gemini ไปใช้กับบริการอื่น ๆ ของตัวเองอีกเยอะ เช่น Google Workspace เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้ใช้งานทั้งในบ้านและที่ทำงาน


ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย

แน่นอน เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทจัดการบ้านเรา สอดส่องกิจวัตรประจำวัน รู้กระทั่งว่าคุณชอบอะไร ตื่นนอนกี่โมง มันก็อาจมีคำถามเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว (Privacy)” เพราะข้อมูลเหล่านี้อาจเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กหรือรั่วไหลได้ Google เองก็คงต้องสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาสุด ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวเรารั่วออกไป

อีกทั้ง Google ต้องให้สิทธิ์ผู้ใช้ควบคุมได้ว่าต้องการให้ AI รู้และเข้าถึงข้อมูลส่วนไหนได้บ้าง เช่น ถ้าไม่อยากให้ AI จัดเก็บประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ หรือรายละเอียดธุรกรรมทางการเงิน ก็สามารถปิดการเข้าถึงได้ เป็นต้น ถือเป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตา เพราะผู้คนสมัยนี้ค่อนข้างใส่ใจเรื่อง Data Privacy และ Security ไม่น้อย


โอกาสและการใช้งานในอนาคต

ถ้า Google Gemini เกิดขึ้นมาและทำได้ตามคาด เราอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของสมาร์ทโฮม ตัวบัตเลอร์ AI จะไม่ใช่แค่ทำตามคำสั่งอีกต่อไป แต่มันจะวิเคราะห์สภาพบ้าน สภาพอากาศ พฤติกรรม ครอบครัว และการใช้ชีวิตได้โดยอัตโนมัติ อาจถึงขั้นว่าถ้าบ้านคุณมีผู้สูงอายุ มันจะคอยช่วยเตือนตารางกินยา เช็กอาการสุขภาพ หรือส่งการแจ้งเตือนให้ลูกหลานทันทีถ้ามีอุบัติเหตุล้ม หรือมีความผิดปกติใด ๆ ในบ้าน

ในมุมธุรกิจ ก็มีความเป็นไปได้ว่า Google จะเปิดช่องให้บริษัทอื่นพัฒนา Integration หรือปลั๊กอินเสริม ให้ Google Gemini ควบคุมอุปกรณ์หรือบริการอื่น ๆ ในระบบนิเวศน์ของตัวเองได้สะดวกขึ้น เพราะทุกวันนี้เรามีบริษัทมากมายที่พัฒนาอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ฉะนั้นยิ่ง Google เปิดกว้างเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้ผู้ใช้อย่างเราได้ประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น


สรุปแบบเข้าใจง่าย

  • Google Gemini เป็นโปรเจกต์ AI ของ Google ที่คาดว่าจะมาแทน (หรือเสริม) Google Assistant โดยทำหน้าที่เป็นบัตเลอร์อัจฉริยะสำหรับสมาร์ทโฮม
  • จุดเด่นคือความสามารถในการเรียนรู้และเข้าใจบริบทของผู้ใช้มากขึ้น สามารถคาดการณ์และดำเนินการล่วงหน้าได้โดยไม่ต้องสั่ง
  • รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT หลาย ๆ อย่างได้ครบวงจร ทำให้จัดการสมาร์ทโฮมได้ง่ายขึ้น
  • มีประเด็นสำคัญเรื่อง Data Privacy และ Security ที่ Google ต้องให้ความมั่นใจว่าจะเก็บข้อมูลของผู้ใช้ได้ปลอดภัย
  • อนาคตถ้าเปิดตัวเมื่อไหร่ มีแนวโน้มว่า Google จะผลักดัน AI ตัวนี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นบนอุปกรณ์ตระกูล Pixel หรือบริการต่าง ๆ ของ Google เอง

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นสายเทคโนโลยีหรือไม่ก็ตาม โลกที่มี AI คอยช่วยเหลือทุกฝีก้าวก็ใกล้เข้ามาทุกที แน่นอนว่าเมื่อมองแง่บวก มันจะช่วยประหยัดเวลา เพิ่มความสะดวกสบาย และอาจทำให้เรามีไลฟ์สไตล์ที่ชิลกว่าเดิม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเราต้องเรียนรู้และตั้งค่าความปลอดภัยให้เหมาะสมด้วย เพราะในด้านกลับกัน หากควบคุมไม่ดีหรือมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ก็อาจเกิดปัญหาไม่คาดฝันตามมาได้เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นมันอยู่ตรงที่เราอาจจะมีบัตเลอร์ AI อยู่ในบ้าน สั่งงานได้เพียงพูดประโยคเดียว และมันจะจัดการทุกสิ่งให้พร้อม แบบในหนังไซไฟที่เราเคยฝันไว้เลยล่ะ คำถามต่อไปก็คือ “จะพร้อมใช้จริงเมื่อไหร่?” คงต้องรอทาง Google ออกมาให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ และเชื่อว่าถ้าได้ลองใช้จริง ๆ เราคงตื่นเต้นไม่น้อยกับการเห็น AI ฉลาดขึ้นอีกขั้น ซึ่งใครจะไปรู้ วันหนึ่งอาจจะคุยกับ Google Gemini เหมือนคุยกับเพื่อนสนิทในบ้านเราเลยก็เป็นได้

อัพเดท! ก่อนใคร

เรื่องราวเจ๋งๆ ล้ำๆ สดใหม่ถึงคุณโดยตรงเพียงแค่กรอก Email ไว้เท่านั้น

This field is required.

รายละเอียดเงื่อนไขที่ privacy policy.

Hot this 48 hr.

ความหมายของไพ่ยิปซี ไพ่ทาโรต์ ไพ่ชุดเมเจอร์และไพ่ชุดไมเนอร์ อาร์คานา

ไพ่ทาโรต์ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ไพ่ชุดเมเจอร์ อาร์คานา มี 22...

ข่าวใหญ่ จีนค้นพบอารยธรรมที่เก่าแก่กว่าราชวงศ์เซี่ย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีนักโบราณคดีคนไหนในโลกเชื่อว่าจีนจะมีอารยธรรมที่เก่าแก่กว่านี้อีกแล้ว

สวัสดีเพื่อนๆ ชาว ไอทีเมามันส์ ทุกคน พบกันเป็นประจำเช่นเคยกับการอัพเดทข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจรอบโลก สำหรับครั้งนี้เราก็มีข่าวสำคัญจะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า ที่ประเทศจีนมีการค้นพบอารยธรรมที่เกิดขึ้นก่อนราชวงศ์เซี่ย ราชวงศ์แรกของจีนที่เกิดขึ้น 2,100...

Garmin GPS ค้างจอสามเหลี่ยมฟ้า! เกิดอะไรขึ้น แก้ยังไงดี?

Garmin GPS ค้างจอสามเหลี่ยมฟ้า! เกิดอะไรขึ้น แก้ยังไงดี? ถ้าใครใช้สมาร์ตวอทช์หรืออุปกรณ์ GPS ของ Garmin แล้วเจอปัญหาหน้าจอค้างเป็นสามเหลี่ยมสีฟ้า...

FYP คืออะไร?

FYP ย่อมาจาก "For You Page" ซึ่งเป็นหน้าแรกที่แอปพลิเคชัน TikTok แสดงให้กับผู้ใช้งานเมื่อเปิดแอปขึ้นมา FYP...

Whoscall ผนึกกำลัง Viu ยกระดับการป้องกันภัยมิจฉาชีพออนไลน์ในอาเซียน

Whoscall และ Viu ร่วมมือกันยกระดับการต่อต้านภัยออนไลน์ บริษัท Gogolook ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall และ Viu...

Topics

โตโยต้ายืนยัน! 4Runner เกียร์ธรรมดา “เป็นไปได้” แต่มีเงื่อนไข

โตโยต้า 4Runner หนึ่งในรถออฟโรดที่เป็นที่รักของสายลุยทั่วโลก กำลังเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังจากที่มีการเปิดเผยว่ารุ่นเกียร์ธรรมดา "อาจเป็นไปได้" แต่ยังคงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทำไมโตโยต้าถึงพูดว่า "เป็นไปได้" แต่ยังไม่ทำ? ถึงแม้ว่าความต้องการของคนรักเกียร์ธรรมดาจะยังคงมีอยู่...

Philips เปิดตัวหูฟัง ANC สู้ Sony! แบตอึด 50 ชม. รองรับ Bluetooth ใหม่ล่าสุด แถมเปลี่ยนแบตได้

Philips เปิดตัวหูฟัง ANC รุ่นใหม่ สเปกโหด ชน Sony แบบตรง ๆ! ถ้าพูดถึงหูฟัง...

iOS 18.3 มาแล้ว! อัปเดตใหม่ที่เปิดใช้ Apple Intelligence อัตโนมัติ

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว iPhone ทุกคน! วันนี้เรามีข่าวอัปเดตที่น่าตื่นเต้นมาแชร์กัน นั่นก็คือการเปิดตัว iOS 18.3...

DeepSeek AI คืออะไร? คู่แข่ง ChatGPT ตัวใหม่ที่กำลังมาแรง พร้อมประเด็นความเป็นส่วนตัวที่ต้องจับตา

ช่วงนี้ชื่อของ DeepSeek AI เริ่มถูกพูดถึงกันมากขึ้นในแวดวงเทคโนโลยี โดยเฉพาะในฐานะคู่แข่งของ ChatGPT ที่พัฒนาโดย OpenAI ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน...

Related Articles

Popular Categories

spot_img