GPT-5 ที่ทุกคนรอคอยจาก OpenAI กลายเป็นหัวข้อถกเถียงในโลกเทคโนโลยี หลังเปิดตัวไม่นาน ผู้ใช้งานจำนวนมากกลับมองว่าระบบ AI รุ่นนี้ไม่ได้พัฒนาไปไกลจาก GPT-4 อย่างที่คาดหวังไว้ โดยเฉพาะในเรื่องการเข้าใจบริบทที่ซับซ้อนและความแม่นยำในการตอบคำถาม
จากรายงานของ TechCrunch นักพัฒนาและนักวิจารณ์บางส่วนระบุว่า GPT-5 ขาดคุณสมบัติเด่นที่เคยคาดหวัง เช่น การประมวลผลแบบเรียลไทม์และการตอบสนองที่เหมาะสมในหลายภาษา แม้ว่า OpenAI จะเน้นย้ำว่า GPT-5 ได้รับการปรับปรุงในด้านความเร็วและประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร แต่ข้อดีเหล่านี้กลับถูกกลบด้วยปัญหาที่เห็นชัดเจน เช่น การแสดงคำตอบที่ผิดพลาดในบริบทที่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม GPT-5 ยังมีจุดแข็งในเรื่องความสามารถในการสร้างเนื้อหา เช่น การเขียนบทความที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ และการใช้งานในงานสร้างสรรค์ เช่น การแต่งเพลงและการออกแบบภาพ แต่สำหรับกลุ่มนักวิจัยด้าน AI หลายคนกลับมองว่า OpenAI อาจให้ความสำคัญกับการตลาดมากเกินไปจนละเลยปัญหาสำคัญในโครงสร้างของโมเดล
ความคาดหวังที่เกินจริง?
ก่อนการเปิดตัว GPT-5 หลายคนคาดการณ์ว่า AI รุ่นใหม่นี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงวงการได้ เช่น การใช้งานในระบบอัตโนมัติสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ และการช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนทางวิทยาศาสตร์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทำให้เกิดคำถามว่า OpenAI อาจเร่งพัฒนาระบบจนไม่ทันตรวจสอบข้อบกพร่องอย่างรอบคอบ
อนาคตของ AI อยู่ที่ไหน?
แม้ GPT-5 จะมีปัญหา แต่ AI ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพมหาศาล OpenAI ได้ชี้แจงว่า พวกเขายังคงเดินหน้าปรับปรุง GPT-5 และมีแผนสำหรับ GPT-6 ที่จะมาพร้อมความสามารถที่ดีกว่า เช่น การเข้าใจอารมณ์มนุษย์และการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป การเปิดตัว GPT-5 ถือเป็นการเตือนว่าความคาดหวังและการใช้งาน AI ควรมีความสมดุล และผู้พัฒนาเองก็ต้องคำนึงถึงการตรวจสอบข้อผิดพลาดและการใช้งานที่แท้จริง