“จุติ”บินถกสหภาพไอทียูหารือแนวทางรักษาวงโคจร 120 และ 50.5 องศาตะวันออก แสดงความจำนงค์ขอใช้สิทธิ์ต่อ “จุติ”บินถกสหภาพไอทียูหารือแนวทางรักษาวงโคจร 120 และ 50.5 องศาตะวันออก แสดงความจำนงค์ขอใช้สิทธิ์ต่อ หลังไทยคมยอมทำตามข้อเสนอยิงไทยคม 6 ในปี 2556 ตามผลสรุปของคณะกรรมการมาตรา 22 “ปลัดไอซีที” เผยข้อเสนออีก 2 ข้อทั้งการคืนเงินประกัน 6.7 ล้านดอลลาร์ต้องหารือคลังอีกรอบ ส่วนการเพิ่มสัดส่วนหุ้นในชินคอร์ป รอเอกชนเสนอแผนเข้ามาให้พิจารณา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างวันที่ 2-11 มิ.ย.นี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที และคณะกว่า 10 คน จะเดินทางไปประเทศอิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อหารือร่วมกับผู้บริหารของหน่วยงานด้านโทรคมนาคมและบริการดาวเทียม พร้อมเข้าเยี่ยมชมกิจการดาวเทียมของบริษัท อิตาลี เทเลคอม จำกัด และหลังจากนั้นจะเข้าร่วมประชุมกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) เพื่อหารือถึงการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมของประเทศ รวมถึงการนำเสนอแผนการยิงดาวเทียมของประเทศไทย ส่วนการรักษาวงโคจรดาวเทียมตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก และ 50.5 องศาตะวันออกนั้น ขณะนี้ยังรอผลการศึกษาจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อจะไนำผลการศึกษาดังกล่าว ไปเสนอกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) เพื่อรักษาตำแหน่งวงโคจร ซึ่งตามแผนดำเนินการนั้น จะเช่าดาวเทียมต่างประเทศ แล้วย้ายไปอยู่ตำแหน่งดังกล่าว เพื่อรักษาตำแหน่งวงโคจรไว้อีก 2 ปี พร้อมกับเสนอแผนการยิงดาวเทียมดวงใหม่ ซึ่งบมจ. ไทยคม มีความพร้อมที่จะยิงดาวเทียมไทยคม 6 เป็นดาวเทียมดวงใหม่ในปี 2556 ฉะนั้น จึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าประเทศไทยจะมีดาวเทียมดวงใหม่อย่างแน่นอน นางจีราวรรณ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทานดาวเทียมกับบริษัทไทยคมนั้น ขณะนี้ไทยคมได้ยืนยันที่จะสร้างดาวเทียมไทยคม 6 แล้ว เพราะตามสัญญาไทยคมจะต้องมีดาวเทียมสำรองและมีดาวเทียมใช้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ส่วนการคืนเงินประกัน 6.7 ล้านดอลาร์ ยังคงรอคำตอบจากกระทรวงการคลังว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป ส่วนการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นให้เพิ่มเป็น 51% จากปัจจุบัน 41% กระทรวงไอซีที ได้แจ้งให้ไทยคมรับทราบและให้ส่งแผนการดำเนินงานให้กระทรวงไอซีทรับทราบภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากกระทรวงไอซีที “กระทรวงไอซีที ตั้งใจที่จะให้แก้ปัญหาสัญญาสัมปทานดาวเทียมให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด แต่สำคัญคือต้องรอบคอบด้วย เนื่องจากต้องใช้เวลาพิจารณาพอสมควร และเป็นเรื่องที่ได้ดำเนินการมาแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่ก็ต้องดำเนินการต่อไป เพราะไม่ได้เป็นนโยบายใหม่ ซึ่งกระทรวงไอซีที ก็ต้องดูแลให้สัญญาเป็นไปตามกฎเกณฑ์ และกฎหมาย” @bangkokbiznews