Intel เตรียมปรับโครงสร้างใหม่อีกระลอก หลังมีรายงานว่าได้ขายหุ้นส่วนใหญ่ของ Altera ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปที่เคยซื้อมาเมื่อปี 2015 ให้กับบริษัทลงทุนชื่อดัง Apollo Global Management ด้วยมูลค่าประมาณ 4.46 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 160,000 ล้านบาท ซึ่งดีลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ของ Intel ที่กำลังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และเตรียมตัวแข่งขันในยุคที่ตลาดเซมิคอนดักเตอร์เปลี่ยนแปลงเร็วมากขึ้นทุกวัน
ย้อนกลับไปนิดนึง — Intel เคยซื้อ Altera มาในราคา 16.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตอนนั้นถูกมองว่าเป็นการเสริมแกร่งในด้านชิป FPGA (Field Programmable Gate Array) ที่สามารถปรับแต่งได้เองตามการใช้งาน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุคของ AI, IoT และคลาวด์คอมพิวติ้ง แต่ในช่วงหลัง Intel กลับเงียบๆ กับทิศทางของ Altera จนทำให้หลายคนสงสัยว่ากำลังจะเดินเกมอะไรต่อไป
จากการขายครั้งนี้ Intel ยังจะถือหุ้นส่วนน้อยและมีสิทธิ์ในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับ Altera อยู่ โดยทาง Apollo จะเข้ามาบริหารจัดการ Altera ในฐานะบริษัทแยกต่างหากอีกครั้งหนึ่ง จุดนี้ทำให้ Altera มีโอกาสเติบโตและเคลื่อนไหวได้คล่องตัวกว่าเดิม ไม่ต้องยึดติดกับโครงสร้างใหญ่ของ Intel
ฝั่ง Intel เอง CEO อย่าง Pat Gelsinger ก็ออกมายืนยันว่าการขายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับองค์กรใหม่ เพื่อให้บริษัทโฟกัสกับธุรกิจหลักโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตชิปในฝั่ง x86, แพลตฟอร์ม AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดกำลังเข้าสู่ยุคแข่งขันแบบดุเดือดทั้งจาก AMD, NVIDIA และแม้แต่ผู้ผลิตชิปจากจีน
ดีลนี้ยังสะท้อนให้เห็นภาพรวมของวงการเทคโนโลยีตอนนี้ด้วย ว่าแม้แต่บริษัทระดับ Big Tech ก็ต้องจัดพอร์ตใหม่ ปรับตัวให้เร็ว และเลือกลงทุนในสิ่งที่ทำกำไรได้สูงสุดในระยะยาว
ที่น่าสนใจคือการที่ Apollo กลับมาเล่นในวงการเซมิคอนดักเตอร์อีกครั้ง ซึ่งน่าจะทำให้ Altera มีแนวโน้มได้รับการสนับสนุนจากสายเงินทุนเพิ่มขึ้น อาจเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือการเข้าร่วมโปรเจกต์ระดับโลกในเร็วๆ นี้
ใครที่ติดตามเรื่องของ Intel หรือกำลังสนใจวงการชิป แนะนำให้จับตา Altera ให้ดี เพราะจากนี้ไปมันอาจกลายเป็นแบรนด์ที่กลับมาอีกครั้งในเวทีระดับโลก พร้อมบทบาทใหม่และคู่แข่งใหม่ๆ
ส่วนฝั่ง Intel เองก็ยังคงต้องเร่งสปีดต่อไป ถ้าหวังจะกลับมาทวงบัลลังก์ในวงการนี้ให้ได้อีกครั้งในยุคที่ AI และการประมวลผลแบบ edge computing กำลังมาแรงสุดๆ