นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตเติบโตสูงขึ้น ข้อมูลบนโลกออนไลน์มีเป็นจำนวนมาก ธุรกิจจึงจำเป็นต้องนำคลาวด์ คอมพิวติ้งมาใช้ เพื่อจัดการทรัพยากรบนอินเทอร์เน็ตทั้งส่วนของซีพียูและสตอเรจ ซึ่งการเปลี่ยนรูปแบบมาใช้บริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง จะไม่มีผลกระทบต่อยอดขายเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ขึ้นจากจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีสตอเรจที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ทุกคนใช้อุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ จำเป็นต้องมีเซิร์ฟเวอร์เข้ามารองรับ โดยสมาร์ทโฟนทุก 600 เครื่องจะใช้เซิร์ฟเวอร์ 1 ตัว และแท็บเล็ตทุก 122 เครื่อง จะต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ 1 ตัว เมื่อการเติบโตของผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้น จำนวนเซิร์ฟเวอร์ต้องเพิ่มขึ้นตาม ทั้งนี้อินเทลได้พัฒนาซอฟต์แวร์รูปแบบใหม่ที่จะช่วยจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลบนโลกออนไลน์ เช่น โปรเซสเซอร์ตระกูลอินเทล ซีออน ทีเอ็ม อี 5-2600 ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลเพื่อสนับสนุนแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ และเพิ่มจำนวนแบนด์วิดท์ในดาต้าเซ็นเตอร์ อินเทลซีออนอี5-2600 โปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ตัวแรกที่ผสมผสานระบบควบคุมข้อมูลเข้าออกสำหรับทิศทางของการใช้งานคลาวด์ในไทยตอนนี้ นายเอกรัศมิ์ กล่าวว่า อินเทลเชื่อมั่นว่า ผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี จะมีการนำคลาวด์ คอมพิวติ้งมาใช้เพื่อจัดเก็บและรักษาข้อมูลทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งอินเทลจะผลักดันการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว โดยสนับสนุนกลุ่มความร่วมมือศูนย์ข้อมูลแบบเปิด ซึ่งมีสมาชิกจากบริษัทชั้นนำทั่วโลกมากกว่า 70 บริษัท เพื่อสร้างแนวทางสำหรับระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูลรุ่นใหม่ ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม มีโซลูชั่นที่ทำงานร่วมกันได้และปรับเปลี่ยนสภาพได้อย่างคล่องตัว เพื่อรองรับระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูลยุคใหม่.