iPad 4 จะมาพร้อมกับโพรเซสเซอร์รุ่นล่าสุดชื่อว่า A6X (ใน iPhone 5 ใช้ A6) ซึ่ง Apple อ้างว่า มันมีประสิทธิภาพทางด้านการประมวล และกราฟิกเป็นสองเท่าของ A5X ที่ใช้ใน new iPad นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีการะปมวลผลสัญญาณภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากกล้อง 5 ล้านพิกเซลของ iPad 4 จะดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แถมยังช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง iPad 4 จะมาพร้อมกับพอร์ต Lightning ไม่ใช่ 30 Pin เหมือน new iPad และไอแพดรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เป็นปตามคาดหมายที่ Apple ต้องการยกเลิกการใช้พอร์ตแบบ 30 พิน โดยเริ่มต้นที่ iPhone 5 ตามด้วย iPad Mini iPad 4 จะสนับสนุนการเชื่อมต่อไวไฟที่เร็วกว่าเดิมด้วย Dual-band 802.11n Wi-Fi (รองรับความถี 2.4GHz และ 5GHz) ซึ่งเมื่อใช้งานสองแชนเนลร่วมกันจะทำให้อัตราเร็วการดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 150Mbps อย่างไรก็ดี สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi แบบเดิมที่เป็น a/b/g ก็ยังคงสนับสนุนการใช้งานได้ตามปกติ iPad 4 จะมีให้ผู้บริโภคเลือกจับจองเป็นเจ้าของได้ 6 รุ่น (มี 2 สีคือ ดำ และขาว) ด้วยกันได้แก่ Wi-Fi ความจุ 16GB ราคา 499 เหรียญฯ (ประมาณ 15,000 บาท) 32GB ราคา 599 เหรียญฯ (ประมาณ 18,000 บาท) 64GB ราคา 699 เหรียญฯ (ประมาณ 21,000 บาท) ส่วนอีกสามรุ่นจะเป็น Wi-Fi+Cellular ราคาจะแพงกว่าประมาณ 130 เหรียญฯ (ประมาณ 4,000 บาท)
สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ จะไม่ได้แตกต่างจาก new iPad มากนัก ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดจอระดับ Retina Display อีกทั้งมันยังคงมีน้ำหนักเท่าๆ เดิม ส่วนกำหนดการวางตลาดรุ่นที่เป็น Wi-Fi จะเป็นวันที่ 2 พ.ย. ศกนี้