นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า ในปี 2556 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจหลัก การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวสูงในโครงการคอนโดมิเนียม โดยมีแผนลงทุนพัฒนาคอนโดมเนียมใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ยอดรายได้ของแอลพีเอ็นในปีหน้า เติบโตประมาณ 10% ส่วนการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถทำยอดรายได้แล้ว 3,300 ล้านบาท กำไรสุทธิ 441.40 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีการโอนส่งมอบให้กับลูกค้าอีก 5 โครงการมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นยอดโอนในไตรมาส3 ราว 3,000 ล้านบาท และเป็นยอดโอนในไตรมาสสุดท้ายอีก 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ยอดรายได้ปีนี้ทำได้ตามเป้าคือ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% จากรายได้ 1.24 หมื่นล้านบาทในปี 2554 ยอดโอนในครึ่งปีหลังดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของยอดสินค้าขายแล้วรอโอน (Backlog) ซึ่งมีมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้นส่วนที่เหลืออีก 1 หมื่นล้านบาทจะข้ามไปเป็นยอดโอนเพื่อรับรู้รายได้ในปี 2556 ส่วนแผนงานในครึ่งปีหลัง ยังมีการเปิดตัวคอนโดฯใหม่อีก 2 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ยอดขายพรีเซลของบริษัทเพิ่มเป็น 2.6 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีนี้ นายโอภาส กล่าวด้วยว่า นอกจากแผนพัฒนาคอนโดฯใหม่แล้ว แอลพีเอ็น ยังได้เตรียมเงินทุนกว่า 3,000 ล้านบาทสำหรับซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการดังกล่าว โดยในจำนวนนี้จะมีการขยายทำเลในต่างจังหวัดด้วย คือที่ชลบุรี พัทยา หัวหิน และชะอำ นอกจากนี้ ล่าสุดแอลพีเอ็น ได้ร่วมมือกับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด ในการนำร้านอิ่มสะดวก “เซเว่น อีเลฟเว่น” เพื่อให้บริการสินค้าอาหารเครื่องดื่ม และบริการต่างๆ แบบ 24 ชั่วโมง แก่ลูกค้าผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์แบบคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค บริการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ โดยปัจจุบันโครงการ “ลุมพินี”มีลูกค้าทั้งสิ้น 50,000 ครอบครัว ใน 70 โครงการ ความร่วมมือในเบื้องต้น ร้านเซเว่นฯ จะเข้ามาเปิดบริการในคอนโดฯต่างๆ ของแอลพีเอ็น จำนวน 15 แห่งเป็นการนำร่อง ก่อนขยายไปสู่การให้บริการในโครงการอื่นๆ รวมทั้งโครงการเก่าๆ ที่เปิดมาก่อนหน้านี้ จากประสบการณ์ 23 ปีของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ “ลุมพินี”