หัวหน้าฝ่ายการเงินและการตลาดของแผนกวินโดว์ส บริษัทไมโครซอฟท์ “ทามี เรลเลอร์” เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์จำหน่ายลิขสิทธิ์วินโดวส์ 8 ได้ 40 ล้านครั้ง ภายในหนึ่งเดือนหลังจากเปิดตัวสู่ตลาดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งเป็นอัตราที่พุ่งเร็วกว่าเมื่อครั้งที่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 ถูกปล่อยออกมาเมื่อ 3 ปีก่อน ยอดจำหน่ายลิขสิทธิ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่องของระบบปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับปฏิบัติการบนมือถือของบริษัทคู่แข่ง “แอ๊ปเปิ้ล” และ “กูเกิล” ซึ่งกำลังมีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน โดยได้เปลี่ยนความต้องการจากเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นการใช้ไอแพดและสมาร์ทโฟนแทน เธอบอกตัวเลขคร่าวๆ ว่า ยอดจำหน่ายของลิขสิทธิ์วินโดวส์ 8 จำนวน 40 ล้านครั้ง ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมนั้น นำหน้ายอดขายของวินโดวส์ 7 ซึ่งจำหน่ายไปได้เพียง 60 ล้านครั้งในช่วง 10 สัปดาห์แรกที่มีขายเมื่อตอนสิ้นปี 2552 เรลเลอร์ ไม่ได้ระบุแจกแจงตัวเลขของยอดจำหน่ายลิขสิทธิ์วินโดวส์ 8 ระหว่างการอัพเกรดเวอร์ชั่น และการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ที่มีระบบวินโดวส์ 8 อยู่ แต่ประเมินว่าการเติบโตดังกล่าวน่าจะมาจากจำนวนการอัพเกรดระบบวินโดวส์ของผู้ใช้ การอัพเกรดเป็นวินโดวส์ 8 จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่เพียง 40 ดอลลาร์ ซึ่งถูกมากเมื่อเทียบกับการซื้อแพ็คเกจซอฟท์แวร์ใหม่ในราคา 70 ดอลลาร์ หรือการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ในราคาเป็นร้อยๆ ดอลลาร์ แต่ตัวเลขล่าสุดไม่สามารถเป็นสิ่งชี้วัดได้ว่าผู้ใช้จำนวน 40 ล้านคนเป็นคนเลือกใช้วินโดวส์ 8 เอง แต่จริงๆ แล้วยอดจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ติดตั้งวินโดวส์ 8 ลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งนำออกจำหน่ายให้แก่บริษัทต่างๆ ที่ไม่เคยใช้วินโดวส์ 8 มาก่อน