กูเกิล (Google) เผยแผนปรับโครงสร้างหลังฮุบกิจการธุรกิจผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโมโตโรล่า “โมโตโรล่าโมบิลิตี (Motorola Mobility)” ว่าจะเลิกจ้างพนักงานราว 4,000 ตำแหน่ง คิดเป็นสัดส่วน 20% ของพนักงานโมโตโรล่าโมบิลิตี การเปิดเผยแผนลอยแพพนักงานโมโตโรล่าโมบิลิตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกูเกิลสามารถควบคุมกิจการพัฒนาโทรศัพท์มือถือของยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารสัญชาติอเมริกันอย่างเต็มตัวเพียง 3 เดือน โดยกูเกิลเพิ่งได้รับการอนุมัติจากทุกองค์กรอย่างเป็นทางการให้สามารถเข้าซื้อกิจการโมโตโรล่าโมบิลิตีด้วยมูลค่า 1.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากบรรลุข้อเสนอซื้อกิจการตั้งแต่สิงหาคม 2011 พร้อมกับพนักงานในธุรกิจนี้ทั้งหมด 20,000 คน ไม่เพียงลอยแพพนักงาน กูเกิลยังมีแผนปิดสำนักงานโมโตโรล่ามากกว่า 30 แห่งด้วย ซึ่งทั้งหมดปรากฏในเอกสาร Form 8-K ที่กูเกิลต้องยื่นต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือ U.S. Securities and Exchange Commission (SEC) ข้อมูลเบื้องต้นพบว่าเอกสารลงวันที่ชี้แจง 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนจะนำออกเผยแพร่วันที่ 13 สิงหาคมตามเวลาสหรัฐฯ “2 ใน 3 ของการลดจำนวนพนักงานจะเกิดขึ้นในพื้นที่นอกสหรัฐอเมริกา” เอกสารระบุ “นอกจากนี้ โมโตโรล่ายังวางแผนปิดสำนักงาน 1 ใน 3 ของสำนักงานที่โมโตโรล่ามีทั้งหมด 90 แห่งในขณะนี้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนาสินค้าโทรศัพท์มือถือ จากฟีเจอร์โฟนทั่วไปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีใหม่และสามารถทำกำไรได้มากขึ้น” นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นกลยุทธ์สำคัญที่กูเกิลเตรียมไว้เพื่อกู้วิกฤตขาดทุนให้โมโตโรล่าโมบิลิตี โดยก่อนหน้านี้โมโตโรล่าโมบิลิตีประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง 14-16 ไตรมาสที่ผ่านมา จุดนี้กูเกิลแสดงความมั่นใจในเอกสารว่านักลงทุนจะได้เห็นปัจจัยมากมายที่สะท้อนว่าโมโตโรล่าจะทำรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกหลายไตรมาส โดยเฉพาะการลดค่าใช้จ่ายที่ส่งผลกระทบต่อรายได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้กูเกิลมองว่าการลดค่าใช้จ่ายจะเป็นหลักสำคัญในการฟื้นฟูโมโตโรล่า
เอกสารยังระบุว่า โมโตโรล่าเข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงจะสร้างความลำบากแก่พนักงานเพียงไร จึงพร้อมช่วยเหลือให้พนักงานสามารถผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไปให้ได้ โดยจะเสนอทางเลือกหลากหลายให้พนักงานที่จะถูกเลิกจ้าง รวมถึงจะมีการประสานงานเพื่อให้พนักงานสามารถหางานใหม่ได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะเกิดเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาส 3 ของปีนี้ไม่เกิน 275 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากการปรับลดพนักงาน กูเกิลยังลดจำนวนผู้บริหารในตำแหน่งรองประธาน (vice president) ลง 40% จุดนี้เป็นข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กนิวส์ซึ่งไม่มีรายงานเพิ่มเติมในขณะนี้ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กูเกิลเปิดเผยรายงานผลประกอบการครั้งแรกหลังจากบริษัทสามารถควบรวมกิจการกับโมโตโรล่าโมบิลิตีอย่างเป็นทางการ ระบุว่ารายได้ตลอดเดือนเมษายน-มิถุนายน 2012 โมโตโรล่าโมบิลิตีสามารถทำเงินได้ราว 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35% จาก 9.03 พันล้านเหรียญที่เคยทำได้ในไตรมาสเดียวกันของปี 2011 ตัวเลขรายได้รวม 1.2 หมื่นล้านเหรียญยังคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2012) ซึ่งกูเกิลให้ข้อมูลว่ามีรายได้ราว 1.06 หมื่นล้านเหรียญเท่านั้น โดยเมื่อคำนวณเป็นกำไร โมโตโรล่าโมบิลิตีสามารถทำกำไรได้ 2.79 พันล้านเหรียญในไตรมาส 2 ปี 2012 ที่ผ่านมา สูงกว่า 2.51 พันล้านเหรียญที่เคยทำได้ในไตรมาส 2 ปี 2011 ข่าวการลอยแพพนักงานโมโตโรล่านี้เกิดขึ้นหลังผู้บริหารกูเกิลออกมายืนยันว่าจะไม่มีการควบรวมกิจการอย่างเต็มรูปแบบระหว่างกูเกิลกับโมโตโรล่าโมบิลิตี โดยแพทริค พิเชตต์ (Patrick Pichette) ประธานฝ่ายการเงินของกูเกิล ให้สัมภาษณ์ระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ว่ากูเกิลจะปล่อยให้โมโตโรล่าโมบิลิตีดำเนินธุรกิจโดยแยกจากธุรกิจหลักของกูเกิลอย่างชัดเจน ถือเป็นคำยืนยันที่ทำให้พันธมิตรผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) เบาใจได้ว่า กูเกิลจะไม่ลงไปแข่งขันด้วยชื่อของกูเกิลในตลาดสมาร์ทโฟน
บทความจาก : http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9550000099736