พอล บัลค์เก ซีอีโอชาวเบลเยี่ยมของผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหาร อย่าง”เนสท์เล่” เปิดเผยว่า ปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งที่ยากลำบากในการสร้างยอดขาย และคว้ากำไร เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยปีที่แล้ว เนสท์เล่มีกำไรสุทธิ 1.06 หมื่นล้านฟรังก์สวิส (1.15 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ราว 11.5% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้เล็กน้อย ขณะที่ยอดขายของผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารโลกแห่งนี้ ที่มีสินค้าอย่างแคปซูลกาแฟเนสเปรสโซ่โด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วโลก ขยับตัวเพิ่มขึ้น 10.2% แตะระดับ 9.22 หมื่นล้านฟรังก์สวิส แต่ในเอเชีย โอเชียเนีย และอาฟริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักของเนสท์เล่ ยอดขายกลับเพิ่มขึ้นแค่ 8.4 % เป็น 1.89 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ลดลงจากปี 2554 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 11.4% ทางด้าน”ยูนิลิเวอร์” คู่แข่งร่วมอุตสาหกรรมเอง ก็ออกมาระบุก่อนหน้านี้เช่นเดียวกันว่า ปีนี้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงและเกิดความไม่แน่นอนในตลาดวัตถุดิบ อย่างไรก็ดี บัลค์เก คาดว่า ปีนี้ การเจริญเติบโตที่มาจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 5-6% และมีกำไรและราคาหุ้นดีขึ้น เทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งธุรกิจหลักสร้างการเติบโตให้กับบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 5.9% โดยแยกเป็นในสหรัฐ 5.9% ยุโรป 2.4% เอเชีย โอเชียเนีย และอาฟริกา 10.3% นักวิเคราะห์จากธนาคารสาราสิน “แพทริก ฮาเซนเบอห์เลอร์” มีมุมมองว่า ผลประกอบการของเนสท์เล่ถือว่าดี แต่ในตลาดเกิดใหม่ มีการปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์จากเคปเลอร์ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ “จอห์น ค็อกซ์” ซึ่งกล่าวว่า ผลประกอบการของเนสท์เล่ถือว่าแข็งแกร่ง แต่ตลาดเกิดใหม่ยังคงชะลอตัว และอาจกระทบกับตลาดรวมทั่วโลกบ้าง [code]ที่มา : bangkokbiznews http://bit.ly/15o6H1z [/code]