ในยุคที่การสตรีมภาพยนตร์และซีรีส์ออนไลน์เป็นกิจวัตรของหลาย ๆ คน Netflix ก็กลายเป็นชื่อคุ้นหูที่ไม่ว่าใครก็น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่บอกเลยว่า Netflix ไม่ได้หยุดอยู่แค่การให้บริการคอนเทนต์วิดีโออีกต่อไป เพราะตอนนี้ Netflix กำลังรุกวงการเกมอย่างจริงจัง! ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งข้อมูลจาก Engadget และแหล่งข่าวอื่น ๆ ที่ยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่ “โปรเจกต์เล็ก ๆ” แต่เป็นก้าวใหญ่ที่ Netflix หมายมั่นจะไปให้สุด ทั้งการพัฒนาและเปิดตัวเกมในหลากหลายแนว แถมยังจะเพิ่มโหมด Party และ Couch Co-op เพื่อเอาใจสายปาร์ตี้รวมตัวเล่นเกมด้วยกันแบบเมามันส์อีกด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา เราอาจจะคุ้นเคยกับการที่ Netflix ปล่อยเกมเล็ก ๆ หลายเกมให้เล่นได้ฟรีบนมือถือ ผ่านการสมัครสมาชิก Netflix ซึ่งที่เด่น ๆ เลยก็คือเกมที่เกี่ยวกับซีรีส์ในแพลตฟอร์มของตัวเอง เช่น Stranger Things หรือ The Witcher (บางเกม) รวมถึงการซื้อลิขสิทธิ์เกมอินดี้อย่าง Oxenfree โดยมีสตูดิโอในเครือ Netflix เป็นผู้พัฒนา เน้นทำให้เกมมีเนื้อหาเชื่อมโยงกับซีรีส์หรือคอนเทนต์ที่ฉายบน Netflix ได้ง่ายขึ้น
แต่ก้าวต่อไปของ Netflix ในสายเกม ไม่ได้จำกัดแค่ “Mobile Game” อีกต่อไป เพราะ Netflix กำลังวางแผนจะสร้างประสบการณ์เกมที่หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นผ่านทีวี การสตรีมเกมผ่านคลาวด์ หรือแม้แต่การร่วมมือกับสตูดิโอเกมรายอื่น ๆ เพื่อขยายไลบรารีเกมให้ใหญ่และน่าสนใจขึ้น แถมยังมีข่าวลือเรื่อง “Party Mode” และ “Couch Co-op” หรือโหมดเล่นหลายคนแบบออฟไลน์นั่งเล่นด้วยกันบนโซฟา ที่กำลังจะมาเร็ว ๆ นี้ ถ้าคุณเป็นสาย Multiplayer ขนานแท้ เตรียมเฮได้เลย
การเปิดโหมด Party และ Couch Co-op ของ Netflix คืออะไร?
- Party Mode:
Party Mode สำหรับหลายคนคือฟีเจอร์สำคัญของเกมสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นออนไลน์กับเพื่อน หรือการจับกลุ่มสร้างปาร์ตี้ในเกมแนว Battle Royale หรือเกม RPG ต่าง ๆ โดย Netflix อยากจะทำให้การเล่นเกมที่มีอยู่แล้ว (หรือกำลังจะมี) สามารถเชื่อมต่อผู้คนเข้าด้วยกันได้ง่ายขึ้น เหมือนกับที่เราดูหนังหรือซีรีส์พร้อม ๆ กับเพื่อน ในอนาคตเราอาจเห็นฟังก์ชันแบบ “Netflix Party” (ชื่อสมมติ) ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมไปพร้อมกัน อาจจะมีห้องแชทในตัว สตรีมหน้าจอ หรือแชร์โมเมนต์สนุก ๆ ได้แบบเรียลไทม์ บนแพลตฟอร์มเดียวกัน - Couch Co-op:
สำหรับเกมเมอร์สายนั่งล้อมวงเล่นกับเพื่อนหรือครอบครัว การเล่นแบบ Couch Co-op คืออีกหนึ่งประสบการณ์ที่หลายคนโหยหา เรารู้ดีว่าในยุคนี้ การร่วมตัวกันเพื่อเล่นเกมบนโซฟาเดียวกัน อาจดูเป็นอะไรที่ “เก่า” แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเสน่ห์ที่มีเอกลักษณ์ และ Netflix ก็ต้องการจะดึงบรรยากาศนั้นกลับมา ไม่ว่าจะเป็นเกมแนวแอ็กชัน 2D สนุก ๆ เกมปาร์ตี้ หรือเกมที่ต้องอาศัยการประสานงานเป็นทีม คาดว่าการเข้ามาของ Couch Co-op ผ่าน Netflix น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าจับตามองไม่น้อย
นอกจากโหมดเล่นด้วยกันแล้ว Netflix ยังมีแผนเพิ่ม “Game Handle” หรือชื่อไอดีเกม ให้แต่ละผู้ใช้มีโปรไฟล์เกมแยกจากโปรไฟล์ดูหนังดูซีรีส์ เพื่อจัดการสถิติและข้อมูลในเกมได้สะดวกขึ้น แถมอาจมีระบบ Friend List ในตัว ที่ทำให้หาเพื่อนในเกมง่าย ๆ เหมือนเล่นแพลตฟอร์มเกมระดับใหญ่ ๆ เลยทีเดียว
การควบรวมสตูดิโอและพาร์ทเนอร์เกม: ก้าวใหญ่ของ Netflix
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Netflix ได้เข้าซื้อสตูดิโอเกมหลายแห่ง ทั้งสตูดิโออินดี้และสตูดิโอที่มีชื่อเสียงพอสมควร เช่น Night School Studio ที่อยู่เบื้องหลังเกม Oxenfree ตอนที่ Netflix ตัดสินใจเข้ามาในโลกเกมหลายคนอาจสงสัยว่า “จะไปได้ไกลจริงหรือ?” แต่การเคลื่อนไหวของ Netflix ดูจะจริงจังกว่าที่หลายคนคาด เพราะนอกจากจะเน้นคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับซีรีส์แล้ว ยังมีแผนตั้งสตูดิโอพัฒนาเกมขึ้นเองเพื่อป้อนเกมใหม่ ๆ สู่แพลตฟอร์มของตนอีกด้วย
และเพื่อสนับสนุนแนวคิด “Party” กับ “Couch Co-op” ให้เกิดขึ้นได้จริง Netflix อาจจับมือกับค่ายเกมที่เชี่ยวชาญด้าน Multiplayer หรือเกมปาร์ตี้อยู่แล้ว ก็เป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นการผสมผสานระหว่าง IP ของ Netflix กับรูปแบบเกมที่ฮิตติดตลาด เช่น เกมบอร์ดดิจิทัล เกมครอบครัว หรือเกมแอ็กชันสายฮาที่คนชอบนั่งเล่นด้วยกันแบบไม่ต้องเครียด เหมาะสำหรับสังสรรค์ในบ้านหรือในงานปาร์ตี้
อนาคตของการสตรีมเกม: เทรนด์ใหญ่ที่ Netflix ต้องการมีเอี่ยว
เรื่องการสตรีมเกม (Cloud Gaming) ก็เป็นประเด็นร้อนในวงการเกม ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, NVIDIA, Amazon หรือแม้แต่ Google (แม้ Google Stadia จะปิดตัวไปแล้ว) ก็เคยพยายามบุกตลาดคลาวด์เกมมาแล้ว และ Netflix ก็ไม่น่าจะพลาดโอกาสนี้ เพราะเมื่อ Netflix เป็นหนึ่งในเจ้าใหญ่ด้านการสตรีมภาพยนตร์และซีรีส์ ก็มีรากฐานด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนที่พร้อมจะต่อยอดไปยังการสตรีมเกม โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องสเปกเครื่องหรือการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่
การมีโหมด Party และ Couch Co-op รองรับบนระบบสตรีมเกม จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงเกมได้เร็วขึ้น ไม่ว่าคุณจะถือจอย หรือใช้สมาร์ทโฟนแทนคอนโทรลเลอร์ แค่มีอินเทอร์เน็ตดี ๆ ก็สามารถนัดเพื่อนมาเล่นด้วยกันได้เลย ที่สำคัญ Netflix ยังมีผู้ใช้งานอยู่ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก การสร้าง “Community” ในการเล่นเกมร่วมกันอาจเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ในชั่วพริบตา
ทิศทางการตลาด: Netflix มองเห็นอะไร?
จริง ๆ แล้ว หากมองในมุมธุรกิจ การดึงคนให้มาใช้ Netflix ไม่ได้จำกัดแค่ดูซีรีส์หรือหนังอย่างเดียว การที่ Netflix ขยายตลาดไปยังเกม จะช่วยสร้าง Engagement ให้ผู้ใช้เหนียวแน่นขึ้น เพราะผู้ใช้บางคนอาจเบื่อคอนเทนต์เดิม ๆ อยากหากิจกรรมอื่น ๆ ทำ เมื่อมีเกมให้เล่นในแพลตฟอร์มเดียวกัน ก็อาจทำให้คนอยู่กับ Netflix ได้นานขึ้น ลดโอกาสยกเลิกสมาชิก หรือย้ายไปใช้บริการคู่แข่ง
นอกจากนี้ ยังมีคอนเทนต์ต้นฉบับ (Original Content) อีกมากที่ Netflix สร้างขึ้นเอง ถ้าพูดกันง่าย ๆ ก็คือ สามารถนำซีรีส์หรือภาพยนตร์เหล่านั้นมาดัดแปลงเป็นเกม Exclusive ได้เหมือนกัน และคนดูก็จะอินเข้าไปอีก ถ้าเกิดได้เล่นเกมที่มีเนื้อเรื่องโยงกับตัวละครโปรด ภาพยนตร์ หรือซีรีส์ดัง นั่นก็ยิ่งสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ให้กับ Netflix เอง
ความท้าทายที่ Netflix ต้องเจอ
แน่นอนว่าการเข้าสู่วงการเกมไม่ได้ราบรื่นเสมอไป Netflix ต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มเกมใหญ่อย่าง Steam, Epic Games Store, PlayStation, Xbox หรือ Nintendo Switch ที่ต่างก็มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น และแต่ละเจ้าก็มีรูปแบบการเล่น Online รวมถึงระบบ Multiplayer เป็นของตัวเองอยู่แล้ว การจะดึงผู้เล่นจากแพลตฟอร์มเก่ามาสู่ Netflix จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ในขณะเดียวกัน Netflix ก็ต้องเจอกับความคาดหวังว่าคุณภาพของเกมและประสบการณ์เล่นต้อง “ถึง” ระดับที่จะทำให้คนอยากใช้จ่าย หรือจ่ายค่าสมาชิกต่อไปเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์และเกม หากเกมที่ออกมาไม่สนุกหรือมีปัญหาด้านเทคนิค เช่น แลค กระตุก หรือบั๊กเยอะ ก็อาจทำให้ภาพลักษณ์ของ Netflix ในวงการเกมติดลบได้ไม่ยาก
โอกาสใหม่ ๆ สำหรับผู้พัฒนาเกมอินดี้
อย่างไรก็ตาม Netflix น่าจะเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดรับนักพัฒนาเกมอินดี้ เพราะที่ผ่านมา Netflix เริ่มเข้าไปสนับสนุนสตูดิโอเกมเล็ก ๆ หลายราย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน หรือการโปรโมตบนแพลตฟอร์มตัวเอง ซึ่งถ้าโหมด Party และ Couch Co-op เกิดขึ้นจริง นักพัฒนาเกมอินดี้สายปาร์ตี้หรือโหมด Co-op อาจมีพื้นที่ปล่อยของที่น่าสนใจ เพราะบางครั้งแนวคิดเกมแบบแปลก ๆ ที่ไม่ต้องมีงบประมาณมหาศาล ก็สามารถสร้างความสนุกให้ผู้เล่นได้ และ Netflix อาจช่วยผลักดันเกมเหล่านั้นให้เข้าถึงผู้ใช้นับล้านทั่วโลก
สรุปภาพรวม: เส้นทางของ Netflix ในการรุกวงการเกม
- Netflix ตั้งใจจะเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มสตรีมภาพยนตร์และซีรีส์ ด้วยการพุ่งสู่ตลาดเกมอย่างเต็มตัว
- การเปิดโหมด Party และ Couch Co-op คือจุดขายใหม่ ที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถรวมกลุ่มเล่นด้วยกันได้ไม่ว่าทางออนไลน์หรือออฟไลน์
- การสตรีมเกม (Cloud Gaming) คืออีกทิศทางที่ Netflix ให้ความสำคัญ เพราะมีเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานรองรับอยู่แล้ว
- ความท้าทายหลักคือการสร้างคุณภาพของเกมให้ดี และดึงผู้เล่นจากแพลตฟอร์มเกมอื่น ๆ มาสู่ Netflix ได้อย่างไร
- ในมุมผู้เล่น การได้ทดลองเล่นเกมใหม่ ๆ ผ่าน Netflix อาจน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะถ้าเกมเหล่านั้นเป็น Exclusive เชื่อมโยงกับคอนเทนต์ Netflix ที่เรารู้จักและชื่นชอบ
สุดท้ายแล้ว การที่ Netflix ตัดสินใจเดินหน้าสู่การเป็นแพลตฟอร์มเกมอย่างจริงจัง ชวนให้เราตั้งคำถามว่า อีกไม่นานเราอาจจะได้เห็นรูปแบบการเสพคอนเทนต์ที่ครบวงจรก็เป็นได้ แบบว่า “ดูซีรีส์จบปุ๊บ ต่อด้วยเล่นเกมต่อปั๊บ” แถมเล่นกับเพื่อนได้อีกต่างหาก ไม่ว่าจะผ่าน Party Mode ออนไลน์หรือ Couch Co-op นั่งข้างกันก็ทำได้ง่าย ๆ หาก Netflix ดึงข้อได้เปรียบเรื่องฐานสมาชิกที่เหนียวแน่น และจับมือกับผู้พัฒนาคอนเทนต์เจ๋ง ๆ ได้อย่างลงตัว ก็มีสิทธิ์แจ้งเกิดในวงการเกมได้ไม่ยาก เราเองก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า Netflix จะเปิดตัวโหมด Party และ Couch Co-op เมื่อไหร่ และจะมีเกมใหม่ ๆ ที่พัฒนาโดย Netflix เองหรือจับมือกับสตูดิโออื่น ๆ ออกมาให้ว้าวกันขนาดไหน
สำหรับคอเกมอย่างพวกเรา ก็อาจจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะในอนาคตอันใกล้ เราอาจได้ปาร์ตี้เล็ก ๆ กับเพื่อนบนแพลตฟอร์ม Netflix กันแบบมันส์ ๆ หรือโซฟาในบ้านอาจจะไม่เคยเหงาอีกต่อไป หาก Couch Co-op ของ Netflix ตอบโจทย์ได้ดีจริง ๆ ที่เหลือก็แค่รอลุ้นว่าแพ็กเกจสมาชิกจะเป็นอย่างไร มีอัปเกรดหรือคิดราคาเพิ่มมากน้อยแค่ไหน? แต่ถ้าทำออกมาได้ดี มีคุณภาพ และเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ชาวเกมเมอร์ก็น่าจะพร้อมเปย์เพื่อความมันส์เช่นกัน