วันนี้เราจะมาเกาะติดข่าวเศรษฐกิจโลกที่น่าสนใจ ซึ่งก็คือให้จับตา ‘Oil Shock’ รอบใหม่ ที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินอาจเห็น 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากปริมาณการผลิตหายไป 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน รายละเอียดเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามหาคำตอบกันได้ที่ด้านล่างนี้เลย
สรุปรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ ได้ดังนี้
- ณ ตอนนี้ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงต้นปีนี้ซึ่งราคาน้ำมันดิบ (Brent) ปรับขึ้นราว 12% มาอยู่ในระดับ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 มกราคม)
- ซึ่งนั่นก็ทำให้นาย Joseph Lupton และ Bruce Kasman นักเศรษฐศาสตร์ของ P. Morgan มองว่าความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครนล่าสุดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปอีกได้
- “ปัญหาที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็ยังถูกกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด ทำให้การฟื้นตัวในระยะสั้นของเศรษฐกิจยังดูเปราะบาง”
- ทั้งนี้ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจะกระทบต่อซัพพลายของน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันในทางทฤษฎีมีโอกาสจะพุ่งขึ้นเท่าตัวไปแตะระดับ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากภาวะ Supply Shock โดยการกระโดดของราคาน้ำมันในระดับนั้นจะต้องเห็นปริมาณการผลิตที่ลดลง 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือลดลงราว 2% จากปริมาณการผลิตทั้งโลก
- “หากภาวะ Supply Shock เกิดขึ้นจริง จะกระทบต่อ GDP โลกราว 6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีโอกาสพุ่งแตะ 7.2% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จากที่คาดการณ์กันไว้ 3%”
- ขณะที่ Bloomberg รายงานว่า หากเกิดเหตุการณ์ Oil Shock ขึ้นจริง จะกระทบต่อการเติบโตของ GDP โลกในช่วงครึ่งปีแรกให้ลดลงไปเหลือเพียง 9% จากที่คาดการณ์กันไว้ 4.1% ในขณะนี้
และนี่ก็คือข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจด้านเศรษฐกิจโลกที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน เมื่อได้ทราบแล้วก็อย่าลืมเตรียมตัวปรับตัวรับมือกันนะครับ