วันนี้ (16 เมษายน 2025) ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาสุนทรพจน์สำคัญของ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ซึ่งกล่าวต่อ Economic Club of Chicago โดยเนื้อหาของสุนทรพจน์ครั้งนี้ถือเป็นจุดสำคัญในการวิเคราะห์ทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประกาศปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ รวมถึงสินค้าจากจีนขึ้นถึง 145% ซึ่งแน่นอนว่ามีผลกระทบต่อซัพพลายเชนและราคาสินค้าในประเทศอย่างมาก จนทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
Powell กล่าวอย่างระมัดระวังในประเด็นนี้ โดยระบุว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่งในบางภาคส่วน เช่น ตลาดแรงงานและการบริโภคภายในประเทศ แต่ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าทำให้ Fed ต้อง “เปิดทางเลือก” ในการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างยืดหยุ่นมากขึ้น
3 ประเด็นสำคัญจากสุนทรพจน์ของ Powell มีดังนี้:
-
เงินเฟ้อกลับมาน่ากังวล:
Powell ยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อเริ่มมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จากต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น และแนวโน้มการขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้ Fed จะต้อง “ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจแบบเรียลไทม์” เพื่อพิจารณาทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรอบคอบ -
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่ชัดเจน:
แม้ตลาดจะกังวลว่า Fed อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ แต่ Powell ยังไม่ให้คำตอบชัดเจน โดยเน้นว่า Fed พร้อมปรับตัวทั้งขึ้นหรือคงอัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในไตรมาสถัดไป -
ผลกระทบจากนโยบายภาษีของรัฐบาล:
Powell กล่าวถึงการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าครั้งใหญ่ของรัฐบาลว่า “อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจในระยะกลางและยาว” แม้จะมีผลดีต่อรายได้ภาษีในระยะสั้น
ผลกระทบต่อตลาดการเงินโลก:
หลังจากสุนทรพจน์ ราคาทองคำปรับขึ้นทันที สะท้อนถึงความวิตกของนักลงทุนที่เริ่มหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปเริ่มมีแรงเทขาย ส่วนตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับเห็นเม็ดเงินไหลเข้า ทำให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวลดลงชั่วคราว
ในฝั่งของค่าเงิน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นว่า Fed อาจยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
มุมมองจากนักวิเคราะห์:
นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันมองว่า Fed กำลังอยู่ใน “จุดเปลี่ยน” ระหว่างการสู้กับเงินเฟ้อ และการพยายามประคองเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่อง หากสถานการณ์เงินเฟ้อเร่งตัวเกินคาด Powell อาจจำเป็นต้อง “กลับลำ” และหันมาใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้นอีกครั้ง
ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจเริ่มชะลอลงแบบชัดเจน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมหรือการบริโภค Powell ก็อาจเลือกที่จะ “รอและดู” ก่อนจะตัดสินใจครั้งใหญ่
สรุป:
สุนทรพจน์ของ Jerome Powell วันนี้ไม่ได้เปิดเผยอะไรใหม่อย่างชัดเจน แต่ก็สะท้อนถึงความกังวลที่แท้จริงของ Fed ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าทำให้ Fed ต้องเดินเกมอย่างระมัดระวัง นักลงทุนและนักวิเคราะห์จึงต้องจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนนี้ โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อ, การจ้างงาน และ GDP
ใครที่ลงทุนหรือเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ อย่าลืมติดตามท่าทีของ Fed อย่างใกล้ชิด เพราะทุกคำพูดของ Powell อาจมีผลต่อสินทรัพย์ทั่วโลกในทันที